ー มิโยชิ-มะจิ ー เมืองที่สามารถมาสัมผัสกับวิธีการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมและ SDGs
features
อัปเดตเมื่อ:2024.09.30
ในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ความสนใจในประเด็นเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกกำลังเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก
ในเมืองมิโยชิ จังหวัดไซตามะซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองโตเกียวและเดินทางไปได้ง่ายจากใจกลางเมือง มีสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายตามวิธีการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและ SDGs
เมืองมิโยชิซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงมูซาชิโนะซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 30 นาทีจากสถานีอิเคะบุคุโระ
ในพื้นที่ซึ่งเดิมถูกปกคลุมด้วยเถ้าภูเขาไฟหนาทึบทำให้พืชผลเติบโตได้ยาก หลังจากมีการปลูกต้นไม้ผลัดใบ
จำนวนมากทำให้ป่าพื้นที่ราบเติบโตอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ป่าพื้นที่ราบเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้คนในการทำฟาร์มและใช้ชีวิตบนที่ราบสูงมูซาชิโนะ และคอยมอบพรมากมายแก่ผู้คน
ในบริเวณนี้มีการเก็บรวบรวมใบไม้ร่วงมาหมักไว้ 1-2 ปี และใช้เป็นปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วงมาผสมในแปลงนา
เพื่อปรับปรุงดิน สิ่งนี้เรียกว่า “วิธีการทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วง” วิธีการทำฟาร์มนี้มีมานานกว่า 300 ปี และยังคงถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเด่นคือการใช้อินทรียวัตถุที่ได้จากพืช เช่น ใบไม้ร่วงและรำข้าวในการหมักแทนปุ๋ยหมักที่ได้จากสัตว์ เช่น มูลสัตว์ และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกทางการเกษตรของญี่ปุ่นในปี 2017
ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางการเกษตรที่สำคัญของโลก มรดกทางการเกษตร โลกเป็นโครงการที่เริ่มต้นในปี 2002 โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO นอกจากนี้ยังกล่าวได้ว่าเป็น “มรดกที่มีชีวิต” ซึ่งยังคงพัฒนาต่อไปพร้อมกับปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมต่างๆ
ในเมืองมิโยชิ “วิธีการทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วง” นี้ใช้เพื่อปลูกมันเทศซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษ ผัก ชา ผลไม้ และดอกไม้ ในครั้งนี้เราจะแนะนำสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์และทัวร์เพื่อชมสิ่งเหล่านั้นได้
ー สัมผัสกับ SDGs ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าขณะเพลิดเพลินท่ามกลางธรรมชาติ ー <ซันโตเมะ คอนจะคุมุระ>
สถานที่แรกคือ “ซันโตเมะ คอนจะคุมุระ” ดำเนินกิจการโดยอิชิซากะ ซังเกียว
ซาโตยามะได้รับการอนุรักษ์และจัดการในฐานะป่าพื้นที่ราบและเปิดเป็นทุ่งกว้างที่ยั่งยืนในปี 2016
ที่นี่เป็นจุดที่กลายเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางการศึกษาเพื่อความยั่งยืน (ESD: Education for Sustainable Development) ในทุ่งกว้างประมาณ 17 เฮกตาร์ที่มีพืชและสัตว์อาศัยอยู่มากกว่า 1,300 สายพันธุ์ มีการจัด โปรแกรมสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ มากมาย คุณสามารถคิดถึงการปกป้องระบบนิเวศน์ การเกษตรหมุนเวียน และปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงสัมผัสเกี่ยวกับการหมุนเวียนในขณะเที่ยวเล่นท่ามกลางธรรมชาติตลอดทั้งวัน ที่นี่มีการจัดเวิร์กช็อปมากมายในหัวข้อต่างๆ เช่น การหมุนเวียนอาหาร การสูญเสียอาหาร และวัตถุดิบที่ดีต่อ ร่างกาย เป็นต้น
สิ่งแรกคืออาคาร “Kunugi no Mori Exchange Plaza” ที่อยู่ตรงทางเข้านั้นมีการใช้ความร้อนใต้พิภพอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในอาคารมีความสบายอย่างมากซึ่งให้ความอุ่นในฤดูหนาวและให้ความเย็นสบายในฤดูร้อน ทำให้คุณมีโอกาสคิดเกี่ยวกับปัญหาพลังงานในปัจจุบัน ภายในอาคารมี “สถานที่สัมผัสความอร่อย” (ร้านอาหาร) เพื่อเป็นโอกาสในการศึกษาด้านอาหาร และทางร้านได้จัด “Meet Free Monday” ซึ่งเป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วยการกำหนดวันที่ไม่ทานเนื้อสัตว์หนึ่งวันต่อสัปดาห์
อิชิซากะซังเกียวเป็นผู้ดำเนินกิจการฟาร์มออร์แกนิก เพาะปลูกผักที่หยั่งรากตามสภาพอากาศของภูมิภาคโดย ใช้ “วิธีการทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วง” แบบดั้งเดิม คุณสามารถลิ้มรสผักและข้าวสาลีที่ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมีในรูปของขนมปัง เส้นอุด้ง พิซซ่า ฯลฯ ได้ที่ร้านอาหารในหมู่บ้าน และมีสินค้าอีกหลายอย่างที่สามารถซื้อเป็นของฝากได้
เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้ามาแล้ว คุณจะพบกับพื้นที่ “โรงเรียนผัก” ซึ่งสามารถปิ้งและทานผักไปพร้อมกับเรียนรู้ เกี่ยวกับผักสดได้ ที่นี่มีการติดตั้งเครื่องปลูกบนความสูงระดับสายตา และคุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การ
เก็บผักสดได้ที่นั่น เนื่องจากเป็นผักออร์แกนิก จึงสามารถรับประทานสดๆ ได้ทันที
ทุ่งกว้างที่คุณสามารถเดินชมธรรมชาติได้นั้นถูกแบ่งออกเป็น 8 พื้นที่ แต่ละส่วนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
ในฤดูใบไม้ร่วงคุณสามารถเดินบนพรมใบไม้ร่วงในขณะเพลิดเพลินกับเสียงใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล มาสนุกกับการเดินป่ากันเถอะ !
ว่ากันว่ามีสัตว์และพืชกว่า 1,300 สายพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีต้นไม้สูงอายุ 30 ถึง 40 ปี มีงานศิลปะที่ทำจากเศษไม้และใบไม้ร่วงซึ่งใช้ทำ “ปุ๋ยหมักใบไม้ร่วง” เพื่อใช้ในไร่นา ถูกรวบรวมเป็นกองสูงอยู่ตามที่ต่างๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเห็นใบไม้ร่วงมากมายเช่นนี้ก็คุ้มค่าแก่การมาเยี่ยมชม
ในกระบวนการเปลี่ยนใบไม้ที่ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ต่าง ๆจะรวมตัวกัน ในหมู่พวกมันมีตัวอ่อนของ แมลงปีกแข็งซึ่งจะกลายเป็นตัวเต็มวัยในฤดูร้อน
ในบริเวณที่ปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้มีการเพาะเห็ดชิตาเคะบนขอนไม้ ทางเดินปูด้วยวัสดุที่นำกลับใช้ใหม่
ไม้หมอนรองรางรถไฟที่ไม่ใช้แล้ว หลังคากระเบื้องรีไซเคิล และวัสดุไม้รีไซเคิล ในขณะที่เหยียบไปบนพื้นคุณสามารถนึกถึงการรีไซเคิลและสังคมหมุนเวียนที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ
พื้นที่ชื่อ “10,000 เนินเขา” เป็นสวนสมุนไพรออร์แกนิกญี่ปุ่นและตะวันตก ครั้งหนึ่งเคยมีการทิ้งขยะแบบผิด กฎหมาย 10,000 ตันไว้ที่นี่ และมีการนำขยะทั้งหมดออกไปและทำความสะอาด นอกจากนี้ ยังมีเวิร์คช็อปที่ใช้สมุนไพรและดอกไม้ป่าบนลานไม้และม้านั่งซึ่งคุณสามารถมาพักจากการเดินได้
และสำหรับใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มที่ เราขอแนะนำบริเวณที่มี Earthing ที่คุณสามารถเดินเท้าเปล่าบนพื้นดินได้ มีเส้นทางที่ละเอียดซับซ้อนที่คุณสามารถบำบัดความเมื่อยล้าในแต่ละวันและดีท็อกซ์จากดิจิทัล มีเต็นท์เดย์แคมป์ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ดังนั้นคุณสามารถใช้ช่วงเวลาที่อิสระหลุดพ้นจากชีวิตประจำวัน
ภายในเต็นท์มีเครื่องปรับอากาศแบบเย็นและอุ่น คุณจึงสามารถอ่านหนังสือ งีบหลับสบายๆ และเพลิดเพลินกับเวลาของคุณในซาโตยามะได้อย่างอิสระ คุณยังสามารถเล่นใน “สระใบไม้ร่วง” ได้เฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น
และใบไม้ร่วงนุ่มๆนั้นมีลักษณะเหมือนแทรมโพลีน เมื่อเล่นที่นี่ขอให้ระวังอย่าให้สิ่งของในกระเป๋าหล่นหาย!
นอกจากนี้ในหมู่บ้านยังมี “ศาลเจ้าชิอาวาเสะ” ซึ่งเทพเจ้าทั้งสี่ประดิษฐานอยู่ และคุณสามารถเยี่ยมชมและสักการะได้ ที่ลานหน้าศาลเจ้ามีบ้านต้นไม้น่ารักๆ และอุปกรณ์สนามเด็กเล่นที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง คุณจะต้องไม่พลาดโพสท่าและถ่ายรูปแน่นอน
ในพื้นที่กว้างขวางพร้อมคาเฟ่ มีร้านพิซซ่าออร์แกนิกและเบเกอรี่ตั้งอยู่ จุดเด่นของที่นี่คือรถจักรไอน้ำขนาดเล็กที่วิ่งด้วยแสงอาทิตย์และทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้ คุณสามารถทัวร์รอบๆ บริเวณที่ยังคงมี
ทิวทัศน์ซาโตยามะแบบในสมัยเก่าอยู่ได้ ดังนั้นขอให้ลองนั่งรถเล่นกันดู
ในหมู่บ้านยังมีบ้านแบบดั้งเดิม และคุณสามารถชมเครื่องมือที่ใช้ในชีวิตประจำวันในการทำความเข้าใจวัฒน
ธรรมและวิถีชีวิตของญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้ว เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆถูกจัดแสดงไว้เหมือนที่ใช้
จริงในสมัยนั้น คุณสามารถดูวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีจุดแช่เท้าที่อยู่ถัดจากอาคารนี้ ซึ่งคุณ
สามารถใช้เวลาผ่อนคลายแช่เท้าในน้ำร้อนที่มีสมุนไพรซึ่งเก็บเกี่ยวจากในหมู่บ้าน
หลังจากเดินเล่นรอบหมู่บ้านแล้วมารับประทานอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพกันเถอะ!
ร้านอาหารในหมู่บ้าน “นายาซาเรียว MEGURU” เป็นร้านอาหารที่ใช้อาคารที่เคยเป็นโรงนาเก่ามาทำเป็นร้านอาหาร ในพื้นที่เปิดโล่งเพดานสูง มีการจัดแสดงอุปกรณ์ฟาร์มที่เคยใช้งานในอดีตมาใช้ตกแต่งภายใน คุณสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติตามฤดูกาล เช่น อาหารโชจินและอาหารหมักดองโดยใช้วัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น และอุด้งทำมือซุปเนื้อที่เป็นของขึ้นชื่อของไซตามะ
“ซันโตเมะ คอนจะคุมุระ” เป็นทุ่งกว้างที่คุณสามารถเรียนรู้และปกป้องธรรมชาติและระบบนิเวศของซาโตยามะ ในขณะที่เดิน เล่น และรับประทานอาหารที่ทำจากผักตามฤดูกาล ลองมาสัมผัสกับการหมุนเวียนและเรียนรู้วิธี
ใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับความสนุกสนานโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของคุณดูไหม
<ซันโตเมะ คอนจะคุมุระ>
ที่อยู่: 1589-2 คามิโตเมะ เมืองมิโยชิ อำเภออิรุมะ จังหวัดไซตามะ
การเดินทาง: สามารถเดินทางไปได้โดยขึ้นรถไฟสาย Tobu Tojo “สถานี Fujimino” และสาย Seibu Ikebukuro/สาย Shinjuku “สถานี Tokorozawa” มีรถรับส่งจากแต่ละสถานี (30 นาที) (เวลาออกเดินทางของรถรับส่งคือ สถานีฟูจิมิโนะจากทางออกทิศตะวันตก เวลา 9:30 น. และ 11:30 น. จากสถานี Tokorozawa ทางออกทิศตะวันออกเวลา 10:30 น.)
เวลาทำการ: 10:00-17:00 น
ปิด: วันอังคาร / นายาซาเรียว วันจันทร์และวันอังคาร
URL:https://santome-community.com
*มีโปรแกรมสัมผัสประสบการณ์ที่ต้องจองล่วงหน้า กรุณาตรวจสอบรายละเอียดจากเว็บไซต์
ー มันเทศเมืองมิโยชิที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ー
<อิดะฟาร์ม>
ในเขตคามิโทมิของเมืองมิโยชิซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านซันโตเมะ คอนจะคุมุระ มี “ถนนมันฝรั่ง” ซึ่งบ้านเกษตร
กรผู้ผลิต “มันเทศ” รวมถึงผลิตภัณฑ์พิเศษอย่าง “มันเทศ Tome no Kawagoe” ตั้งอยู่เรียงรายตามถนนยาว 1.5 กม. คุณสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ร้านขายของที่ระลึกและรับประทานอาหารที่ร้านอาหารขณะ เดินเล่น
รอบๆ บริเวณนี้มีเกษตรกรจำนวนมากที่ฝึก “วิธีทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วง” และอิดะฟาร์มก็เป็นหนึ่งในนั้น
เราได้สัมภาษณ์คุณคาซุฮิโระ อิดะ เจ้าของคนที่ 13 ของอิดะฟาร์ม
“เราปลูกมันเทศที่นี่มานานแล้ว และต้นไม้ที่เหมาะสำหรับทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วงก็คือต้นโอ๊กฟันเลื่อยและต้น
โอ๊ก การจัดการดูแลต้นไม้ก็ใช้เวลานาน และสมัยก่อนต้นไม้จะถูกโค่นทุกๆ 20 ถึง 30 ปี แล้วนำมาใช้เป็นวัสดุ
ก่อสร้างและเชื้อเพลิง แม้ต้นไม้จะแตกหน่อจากตอไม้และเกิดการหมุนเวียนได้ดี แต่ตอนนี้จำนวนใบไม้ร่วงนั้นก็กำลังลดลง”
การกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นจะทำในฤดูหนาวช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและขายมันเทศเสร็จสิ้น
“ผมเคยไม่ค่อยชอบการกวาดใบไม้เพราะมันเป็นงานง่ายๆ ที่ต้องคอยกวาดใบไม้เงียบๆ แต่ตอนนี้ผู้ที่สนใจในการเกษตรหมุนเวียนและผู้ที่ต้องการรักษาการเกษตรแบบดั้งเดิมมาคอยช่วยเหลือเราทำงานนี้ด้วยกัน ไม่เพียงแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้นแต่นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าร่วมได้หากจังหวะเวลาเหมาะสม”
ที่อิดะฟาร์มมีการเก็บเกี่ยวมันเทศประมาณ 30 ตันต่อปี อย่างไรก็ตามหลังการเก็บเกี่ยว ทุ่งนาจะถูกใช้อย่าง ระมัดระวังหลังจากปล่อยผืนดินได้พักสักระยะหนึ่งก่อนที่จะทำการเพาะปลูกครั้งต่อไป
“ถ้าขุดดินในทุ่งนาลงไปลึกกว่า 50 ซม. คุณจะพบดินสีแดงที่ไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก
เราได้ใส่ปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วงทับลงไปและทำดินขึ้นมา ตอนนี้เราจึงได้ดินดำสวยๆ แบบนี้ ที่ตรงนี้ความ พยายามของบรรพบุรุษของเราอัดแน่นอยู่ในชั้นดินขนาด 50 ซม. นี้”
อิดะฟาร์มไม่เพียงแต่ขายมันเทศในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวมันเทศตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนเท่านั้น แต่เมื่อ เร็วๆ นี้พวกเขายังททำผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น “มันเทศเผาบด”
“เราเก็บเกี่ยวมันเทศที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่สามารถขายได้ทั้งๆแบบนั้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงอยากลง แรงทำผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้ประโยชน์จากมันเทศ”
มันเทศเผาบดสามารถรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อยทั้งๆแบบนั้น แต่ก็อยากแนะนำให้นวดเข้าไปในขนมปัง
หรือเค้กฟองน้ำแล้วรับประทาน โปรดลองทาน “มันเทศ Tome no Kawagoe” ที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยหมักจากใบไม้ร่วง
<อิดะฟาร์ม>
ที่อยู่: 254 คามิโตเมะ เมืองมิโยชิ อำเภออิรุมะ จังหวัดไซตามะ
การเดินทาง: นั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที จากทางออกทิศตะวันตกของ “สถานี Tsuruse” บนสาย Tobu Tojo (หรือ Life Bus หมายเลข 4, 5 หรือ 6A และลงที่ป้าย “Shimogumi” จากนั้นเดินต่ออีก 1 นาที)
นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาทีจาก “สถานี Kokukoen” บนสาย Seibu Shinjuku
URL:https://idanouen-webshop.com
* มีบริการสั่งซื้อมันเทศทางไปรษณีย์
ー ชาซายามะเหมาะเป็นของฝาก ไอศกรีมมันเทศก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ー
<เอโดยะ โคโตเอ็น>
เอโดยะ โคโตเอ็นตั้งอยู่เรียบถนนมันเทศ ที่นี่เป็นฟาร์มที่ผลิตและจำหน่ายมันเทศและ “ชาซายามะ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของเมืองมิโยชิ กล่าวกันว่าหากดื่มชาเขียวซึ่งมีแฟน ๆที่ชื่นชอบอยู่มากมายแม้ในต่างประเทศ จะทำให้เป็นหวัดได้ยาก ที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินกับชาหลากหลายประเภทที่ใกล้เคียงกับชาใหม่และคุณสามารถ เพลิดเพลินกับรสชาติดั้งเดิมของชาได้
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยอดนิยมคือชาประเภทถุงชา คุณจึงสามารถชงชาได้อย่างง่ายดายด้วยแก้วมัคโดยไม่ต้อง ใช้กาน้ำชา ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอีกอย่างคือชาข้าวบาร์เลย์ดำ
เราต้องการฟางข้าวสาลีเพื่อปลูกต้นกล้ามันเทศ เราจึงใช้ข้าวสาลีที่เราเริ่มปลูกเพื่อมาทำชา แนะนำสำหรับผู้ที่ชอบรสชาติที่เข้มข้น
นอกจากนี้ ไอศกรีมมันเทศก็น่าดึงดูดใจไม่น้อยเพราะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มทำให้รู้สึกเหมือนกำลังกินมันเทศ เนื่องจากมีเนื้อมันเทศอยู่เยอะ ความหวานดั้งเดิมของมันเทศจึงถูกนำมาใช้ มันเข้ากันได้ดีกับเซมเบ้มันเทศอบ แผ่นบางที่ใช้แทนเวเฟอร์ และเมื่อคุณทานพร้อมกับไอศกรีม ความอร่อยของมันก็โดดเด่นออกมา หากคุณมี โอกาสโปรดลองทานสักครั้ง
<เอโดยะ โคโตเอ็น>
ที่อยู่: 1388-3 คามิโตเมะ เมืองมิโยชิ อำเภออิรุมะ จังหวัดไซตามะ
การเดินทาง: นั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที จากทางออกทิศตะวันตกของ “สถานี Tsuruse” บนสาย Tobu Tojo (หรือขึ้นรถบัส Life สาย 4 หรือ 6A ลงที่ป้าย “Nakagumi” แล้วเดินต่ออีก 0 นาที) ประมาณ 20 นาทีโดยรถแท็กซี่ จาก “สถานี Kokukoen” สาย Seibu Shinjuku
เวลาทำการ: 9:00-17:00 น
วันหยุดประจำ: วันพุธ
ー พิซซ่ที่ใช้ผักและมันหวานท้องถิ่นกับสวนที่น่าดึงดูด ー
<Garden Pizzeria IZAEMON>
“Garden Pizzeria IZAEMON” ที่อยู่บนถนนมันเทศ เป็นร้านอาหารที่มีสวนกุหลาบ โดยมีอีกชื่อว่า “ทสึคิโนะ ฮาระ การ์เด้น” ในวันที่อากาศแจ่มใสคุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ กล่าวกันว่าสถานที่เดิมเป็นลานกว้าง และได้ปลูกต้นไม้ สมุนไพร กุหลาบ และสนามหญ้า จนเสร็จสมบูรณ์เป็นสวนเพื่อไว้คอยต้อนรับผู้ที่มาเยี่ยมชมฟาร์มท่องเที่ยว
ร้านอาหารเปิดในปี 2016 เนื่องจากลูกค้าที่มาเพื่อขุดมันเทศที่นี่ได้บอกว่า”คงจะดีนะถ้าได้กินอะไรสักอย่าง”
เชฟได้รับการฝึกฝนมาจากเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี และนำเสนอเมนูอาหารอิตาเลียนโดยใช้ผักสดจากมิโยชิใน ท้องถิ่น มันเทศ และสมุนไพรโฮมเมด เตาอบพิซซ่านำเข้าจากอิตาลีโดยตรง
อาหารอิตาเลียนโดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบที่มีรากฐานอยู่ในภูมิภาค ที่นี่มีเมนูที่ใช้มันเทศอยู่มากมาย มีเมนู
พิซซ่ามากกว่า 20 ชนิด และซุปยังทำจากมันเทศอีกด้วย เมนูยอดนิยมคือซุปมันเทศที่ใช้มันสีส้มเหมือนสีแครอทที่เรียกว่าชิจิฟุคุนินจินอิโมะตามฤดูกาล ซึ่งใช้มันเทศสีส้มที่มีลักษณะคล้ายแครอท เมนูนี้จะทำให้ลูกค้า ประหลาดใจเป็นพิเศษ
ชื่อร้าน “Izaemon” เป็นชื่อของเจ้าของรุ่นแรกที่ตั้งรกรากในปี 1694 เพื่อพัฒนาฟาร์มฮิยาชิเอ็นแห่งนี้ ดูเหมือนว่าร้านอาหารแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อด้วยความหวังว่ามันจะคงอยู่ตราบนานเท่านานเช่นกัน ที่ฟาร์มฮิยาชิเอ็นก็มีการทำการเกษตรที่แบบหมุนเวียนโดยใช้ประโยชน์จากป่าพื้นที่ราบ
ร้านอาหาร Izaemon ซึ่งยังคงปรับเปลี่ยนอย่างมีเสน่ห์ในขณะที่รักษาความดั้งเดิมเอาไว้นั้น คุณสามารถเพลิดเพลินกับผักจากมิโยชิในท้องถิ่นและมันเทศตามฤดูกาลได้ ดังนั้นโปรดมาลองทาน
<Garden Pizzeria IZAEMON>
ที่อยู่: 1003 คามิโตเมะ เมืองมิโยชิ อำเภออิรุมะ จังหวัดไซตามะ
การเดินทาง: นั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที จากทางออกทิศตะวันตกของ “สถานี Tsuruse” บนสาย Tobu Tojo (หรือขึ้นรถบัส Life สาย 4, 5 หรือ 6A ลงที่ป้าย “Shimogumi” แล้วเดิน 1 นาที)
นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที จาก “สถานี Kokukoen” บนสาย Seibu Shinjuku
เวลาทำการ: มื้อกลางวัน 11:30-14:30 น. (ออเดอร์สุดท้าย 14:00 น.), มื้อค่ำ 18:00-21:00 น. (ออเดอร์สุดท้าย 20:00 น.)
*อาหารค่ำให้บริการเฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์
ปิด: ไม่มีกำหนด、วันหยุดสิ้นปีและวันขึ้นปีใหม่ 30 ธันวาคม – 4 มกราคม
*อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
ครั้งนี้เราได้แนะนำวิธีเพลิดเพลินไปกับเมืองมิโยชิ
ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับวิธีการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมและความ มุ่งมั่นในด้าน SDGs ในเขตชานเมืองของโตเกียวคุณสามารถสัมผัสกับวิธีการทำฟาร์มหมุนเวียนแบบดั้งเดิม, SDGs ในธีมของการ รีไซเคิลและเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศเพื่อสุขภาพที่ใช้ผลิตภัณฑ์พิเศษในท้องถิ่น ดังนั้นหากมีโอกาสขอให้ แวะมาที่นี่