สัมผัสความสวยงามของ Ogano ผ่านละครคาบุกิเด็ก กิโมโน Meisen และไวน์อร่อยๆ ที่หมู่บ้านแห่งวัฒนธรรมซึ่งห่างจากโตเกียวเพียง 2 ชั่วโมง

เมือง Ogano ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา Chichibu อันยิ่งใหญ่ และอุดมไปด้วยทิวทัศน์ที่แสนวิเศษ มีทั้งเสาน้ำแข็ง Onouchi Hyochu ที่โด่งดังในฤดูหนาว และรากฐานทางวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างละครคาบุกิพื้นบ้าน ทั้งยังมีชื่อเสียงจากเมนูอาหารที่ทำขึ้นโดยใช้น้ำชื่อดังของเทือกเขา Chichibu รวมถึงเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในแหล่งกำเนิด Chichibu Meisen ซึ่งเป็นกิโมโนสไตล์ดั้งเดิม นอกจากนี้เมือง Ogano ยังมีเทคนิคการกลั่นแอลกอฮอล์ที่โด่งดังไปอย่างกว้างขวาง เป็นที่ตั้งของ Chichibu Wine โรงกลั่นไวน์แห่งแรกของไซตามะที่ได้รับความชื่นชอบจากทั้งในและนอกญี่ปุ่น เมืองในช่องเขานี้เป็นทั้งขุมสมบัติทางวัฒนธรรม และบริเวณที่อบอวลไปด้วยภูมิลักษณ์แบบบ้านๆ และความอบอุ่นของผู้คน ชวนให้นักท่องเที่ยวหลงใหลด้วยเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แปลกตา

Onouchi Hyochu จุดท่องเที่ยวฤดูหนาวชื่อดังที่ตั้งอยู่ในเมือง Ogano เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สามารถเพลิดเพลินไปกับโลกน้ำแข็งอันน่าหลงใหล นอกจากวิวเสาน้ำแข็งสวยๆ แล้ว ภายในเมือง Ogano ยังกระจัดกระจายไปด้วยสถานที่มากมายที่สามารถสัมผัสความงดงามของวิถีชีวิตญี่ปุ่นดั้งเดิม

สัมผัสความครื้นเครงทางวัฒนธรรมที่ก้าวข้ามกาลเวลาที่ Ogano เมืองที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากโตเกียว การเดินทางจากโตเกียวไป Ogano เริ่มโดยนั่งรถไฟสายด่วน Seibu จากสถานี Ikebukuro ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ลงที่สถานี Seibu Chichibu แล้วต่อรถบัส Ogano Choei ไปลงที่จุดท่องเที่ยวต่างๆ ของ Ogano (จากสถานี Seibu Chichibu ไปใจกลางเมือง Ogano ใช้เวลานั่งรถบัสประมาณ 30 นาที) กรณีที่เดินทางโดยรถเช่า จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจาก Ikebukoro ของโตเกียว

เมือง Ogano เป็นที่รู้จักจากประเพณีคาบุกิที่มีเอกลักษณ์ เป็นสไตล์ Jishibai (ละครชนบท) ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคเอโดะ โดยการเข้ามาของเอโดะคาบุกิเมื่อ 220 ปีก่อน เนื่องจากคาบุกิของ Ogano แตกต่างจากคาบุกิทั่วไปที่มีความเฉพาะทางสูง จึงถูกเรียกว่า “Noson Kabuki (คาบุกิชนบท)” ที่นำแสดงโดยใช้ชาวบ้านท้องถิ่นแทนนักแสดงเฉพาะทาง นอกจากนี้อายุของผู้แสดงก็หลากหลายมาก มีคาบุกิให้ชมหลากหลายรูปแบบ เช่น คาบุกิผู้ใหญ่ คาบุกิเด็ก และคาบุกิผู้หญิง

[Zengoku Jishibai Summit ครั้งที่ 27 in Ogano] (เทศกาลคาบุกิและศิลปะพื้นบ้านประจำเมือง Ogano ครั้งที่ 52) ที่จัดขึ้นในเมือง Ogano ปี 2024

คาบุกิของ Ogano มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ Yatai Kabuki ซึ่งเป็นรูปแบบการแสดงที่ต่างไปจากเวทีอยู่กับที่ทั่วไป โดยจะเตรียมเวทีชั่วคราวไว้ตามจุดต่างๆ และสร้างเวทีขึ้นโดยใช้รถแห่งานเทศกาลเป็นฐานหลัก เนื่องจากจะทำการรื้อเวทีทันทีหลังจากที่การแสดงจบลง การแสดงจึงมีความหยืดหยุ่นและหลากหลายกว่าคาบุกิทั่วไป ทุกขั้นตอนตั้งแต่สร้างอุปกรณ์เวที เตรียมเครื่องแต่งกายสีสันสดใส แต่งผม เล่นเครื่องดนตรีดั้งเดิมอย่างซามิเซ็นและกลองไทโกะ ไปจนถึงการแสดงในวันงานนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของผู้คนในท้องถิ่น เป็นกระบวนการที่แสดงถึงความสามัคคีของคนในพื้นที่ การให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมดั้งเดิม และช่วยสืบสานวัฒนธรรมคาบุกิให้คงอยู่อย่างยาวนาน

คาบุกิของเมืองนี้จะจัดแสดงสาธารณะขึ้น 6 ครั้งภายในตัวเมือง มีการออกทัวร์และได้รับเชิญให้ไปแสดงต่างส่วนต่างๆ ของญี่ปุ่น ทั้งยังเคยออกแสดงในเวทีระดับชาติที่รัสเซียและได้รับเสียงปรบมืออย่างท่วมท้น การแสดงเหล่านี้ช่วยให้ชื่อ “หมู่บ้านแห่งคาบุกิ” เป็นที่รู้จักไปอย่างกว้างขวางทั่วญี่ปุ่น

“คาบุกิเด็ก” ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของคาบุกิใน Ogano เป็นการแสดงที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน อบอวลไปด้วยความมีชีวิตชีวาของเด็กๆ

กรณีที่เดินทางมาในช่วงที่ไม่มีการแสดงคาบุกิ ก็สามารถแวะเยี่ยมชม Ogano Kabuki Salon ที่บริเวณชั้น 2 จัดแสดงบทละครและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น วิกและเครื่องแต่งกายของการแสดงในอดีต รวมถึงมีการฉายวิดีโอการแสดงสาธารณะในอดีตให้รับชม ช่วยให้ผู้คนที่มาเยี่ยมชมเข้าใจเสน่ห์และประวัติศาสตร์ของคาบุกิเมือง Ogano ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ชื่อ : Ogano Bunka Center ชั้น 2
ที่ตั้ง : 167-1 Ogano, Ogano-machi, Chichibu-gun, Saitama
การเดินทาง : จากสถานี Seibu Chichibu ของรถไฟ Seibu หรือสถานี Chichibu ของรถไฟ Chichibu
นั่งรถ Seibu Bus (สาย Ogano Shako หรือ Kurio) 30 นาที
ลงที่ป้าย Ogano Yakuba Mae แล้วเดินต่อ 1 นาที

เมือง Ogano เคยรุ่งเรืองด้านอุตสาหกรรมสิ่งทออยู่พักหนึ่งในยุคเมจิ ดึงดูดพ่อค้ามากมายให้มาซื้อขายเส้นไหมและรังไหม Suzaki Ryokan เป็นออนเซ็นเรียวกังในย่านที่พักของ Ogano สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักให้กับเหล่าพ่อค้าดังกล่าว นับตั้งแต่เปิดกิจการขึ้นในปี 1907 (ปีเมจิที่ 40) Suzaki Ryokan ก็คงบรรยากาศน่าหลงใหลแบบในอดีตไว้เรื่อยมา อบอวลไปด้วยเสน่ห์แบบญี่ปุ่นในทุกซอกมุมของอาคาร เนื่องจากเป็นเรียวกังที่บริหารกันเองโดยครอบครัว จึงมีบริการที่อบอุ่น ชวนให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกอุ่นใจราวกับอยู่บ้านตัวเอง นอกจากบริการเรียวกังคุณภาพสูงแล้ว ก็ยังมีประสบการณ์ทางวัฒนธรรมต่างๆ ให้เพลิดเพลิน เช่น เมนูท้องถิ่นของ Chichibu และการลองสวมชุดญี่ปุ่นจากผ้า Meisen สไตล์ดั้งเดิม ช่วยให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปในอดีต และดื่มด่ำไปกับการเลี้ยงต้อนรับทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์

ในส่วนของอาหารก็มีไฮไลท์เป็นเมนูพื้นบ้านที่ทางเรียวกังตระเตรียมขึ้นอย่างประณีตบรรจงวันต่อวัน ผู้ดูแลเรียวกังจะเสิร์ฟเมนูตามฤดูกาลจากวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่นด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เนื้อกวางอบ ข้าวดำหุงพร้อมเกาลัดญี่ปุ่น คอนเนียคุนุ่มๆ ที่ทางเรียวกังทำขึ้นเอง รวมถึง Shakushina Tsuke เมนูชื่อดังของ Chichibu ที่ทำขึ้นจาก Shakushina ผักพื้นเมืองที่เพาะปลูกกันในละแวก Chichibu มาแต่โบราณ ล้วนแต่เป็นเมนูที่หรูหราและละเอียดอ่อน การันตีความพึงพอใจได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ผู้ดูแลเรียวกังก็ยังคอยให้บริการอย่างเป็นกันเองในระหว่างมื้ออาหาร เป็นการเอาใจใส่ที่ละเอียดลออ ช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว คุณจะได้ลองสวมชุดญี่ปุ่นจากผ้า Chichibu Meisen ภายใต้การซัพพอร์ตของผู้ดูแลเรียวกัง Chichibu Meisen เป็นสิ่งทอดั้งเดิมที่ผลิตกันในละแวกเมือง Chichibu ของจังหวัดไซตามะมาตั้งแต่ยุคเมจิ ชุดญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิมที่ทำขึ้นโดยผ้าเหล่านี้เรียกว่า Meisen Wafuku มีจุดเด่นเป็นการนำเส้นไหมไปย้อมสีก่อนแล้วค่อยนำมาถักทอ เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ลวดลายดูโดดเด่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น

Meisen Wafuku เป็นที่รู้จักจากเทคนิคการทออันยอดเยี่ยม สีสันที่สดใส และดีไซน์ที่โดดเด่น มีจุดเด่นเป็นน้ำหนักที่เบา ช่วยให้รู้สึกสบายเวลาสวมใส่ ในอดีตเคยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในฐานะเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันได้กลายมาเป็นงานฝีมือดั้งเดิมที่รับรองโดยรัฐบาลญี่ปุ่น Suzaki Ryokan มี Meisen Wafuku ให้เลือกสวมใส่มากมาย เป็นคอลเลคชั่นที่ทางเรียวกังคัดสรรมาอย่างดี ทุกชุดมาพร้อมกับสีสันและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดและประณีตซึ่งเป็นคติความงามดั้งเดิมของญี่ปุ่น หลังจากสวม Meisen Wafuku สวยๆ แล้ว ก็สามารถไปถ่ายรูปที่สวนและจุดต่างๆ ภายในเรียวกัง ช่วยให้สัมผัสได้ถึงเสน่ห์และความอ่อนช้อยของชุดญี่ปุ่น พร้อมกับทำให้การเดินทางของคุณเป็นที่น่าจดจำยิ่งขึ้น

ชื่อ : Suzaki Ryokan
ที่ตั้ง : 1815 Ogano, Ogano-machi, Chichibu-gun, Saitama
การเดินทาง : จากสถานี Seibu Chichibu นั่งรถ Seibu Bus ลงที่ป้าย Ogano Shako

Ryokami Sanroku Hana no Sato Dahlia-en ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Ryokami เป็นหนึ่งในจุดชมดอกไม้ที่มีชื่อเสียงมากๆ ในท้องถิ่น ภายในสวนกว้างขวางกว่า 1 หมื่นตารางเมตร ทำการปลูกดาเลียไว้ 5,000 ต้น ราว 350 สายพันธุ์ โดยใช้ประโยชน์จากดินและน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นสวนดาเลียที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคคันโตเลยทีเดียว

ดาเลียภายในสวนนี้จะพากันออกดอกหลากสีหลายรูปทรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณปลายกันยานถึงต้นตุลาคมของทุกปี ด้านสายพันธุ์ก็มีความหลากหลายมาก ตั้งแต่ดอกใหญ่ๆ สีสันสดใส ไปจนถึงดอกเล็กๆ ที่ดูละเอียดอ่อน ผสมผสานกันเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม เข้ากันได้ดีมากกับทิวทัศน์ภูเขา Ryokami รอบข้าง ให้ความรู้สึกราวอยู่ในภาพเขียนที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม

ดอกไม้ภายในสวนนี้ปลูกขึ้นอย่างทะนุถนอมโดยอาสาสมัครและชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากความสวยงามท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความพยายามและเอาใจใส่ของผู้คนในพื้นที่อีกด้วย

ชื่อ : Ryokami Sanroku Hana no Sato Dahlia-en
ที่ตั้ง : ในละแวก 8160-1 Ryokami Susuki, Ogano-machi, Chichibu-gun, Saitama
การเดินทาง : จากสถานี Seibu Chichibu นั่งรถบัส Ogano Choei ลงที่ป้าย Dahlia-en

ละแวก Chichibu มีชื่อเสียงมากในด้านสาเกญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ตั้งของโรงกลั่นไวน์เก่าแก่ด้วย Chichibu Wine ตั้งอยู่ในเมือง Ogano เป็นโรงกลั่นแห่งแรกของจังหวัดไซตามะที่เปิดกิจการขึ้นเมื่อปี 1940 มีสภาพแวดล้อมการเพาะปลูกองุ่นที่สมบูรณ์แบบ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ของเทือกเขา Chichibu ส่งผลให้สามารถผลิตไวน์ที่มีรสชาติเฉพาะตัว เป็นโรงกลั่นคุณภาพสูงที่ได้รับรางวัล 4 ดาวใน Japan Winery Award ติดต่อกันถึง 3 ปีเลยทีเดียว

ในช่วงแรกของการก่อตั้ง คุณ Asami Gensaku ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งได้มีความฝันว่าอยากปลูกองุ่นที่เข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมของ Oku Chichibu และนำมาผลิตเป็นไวน์อร่อยๆ จึงเริ่มศึกษาเทคนิคการกลั่นและวิธีเพาะพันธุ์องุ่นไปพร้อมๆ กัน หลังจากผ่านการลองผิดลองถูกเป็นเวลาหลายปี จึงได้ค้นพบกรรมวิธีกลั่นไวน์ที่สมบูรณ์แบบในที่สุด ต่อจากนั้นมาในปี 1959 บาทหลวงชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่งได้ชื่นชมว่าไวน์ของโรงกลั่นนี้มีรสชาติราวกับ Bordeaux Wine ส่งผลให้ Chichibu Wine โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันสวนองุ่นของโรงกลั่นนี้เพาะปลูกทั้งองุ่นสายพันธุ์ญี่ปุ่นอย่าง Yamabudo และ Muscat Bailey A สายพันธุ์ยุโรปอย่าง Cabernet Franc และ Merlot และผลิตไวน์คุณภาพสูงออกมาอย่างต่อเนื่อง

หากแวะมาที่ Chichibu Wine คุณจะได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับขั้นตอนการกลั่นไวน์ ตั้งแต่การบีบอัดองุ่นหลังเก็บเกี่ยว การหมัก ไปจนถึงการใส่ขวด ทั้งยังสามารถลองชิมไวน์ได้ด้วย เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของ Chichibu และได้รับรางวัลจากเวทีประกวดมากมาย

คุณ Shimada ผู้เป็นประธานบริษัทรุ่นที่ 5 ได้ทำการอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการกลั่นและประวัติศาสตร์ของ Chichibu Wine

ยกตัวอย่างเช่น Gensaku Shirushi GKT Shiro ไวน์ขาวจากองุ่น Koshu มีจุดเด่นเป็นรสแหลมเข้มข้นและกลิ่นหอมราวกับดอกไม้ขาว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองใน Japan Wine Competition ปี 2024 และ Gensaku Shirushi MBA CS2002 ไวน์แดงที่ทำขึ้นโดยกรรมวิธีการกลั่นอุณหภูมิต่ำ เป็นการผสมผสานกลิ่นของ Muscat Bailey A เข้ากับรสชาติของ Cabernet Sauvignon แผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นผลไม้นุ่มละมุนและรสชาติเข้มข้น สามารถเพลิดเพลินไปกับสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและรสชาติหลังดื่มที่ยาวนาน

Chichibu Wine ได้เตรียมชีสไว้ให้รับประทานระหว่างจิบไวน์ ช่วยให้รสชาติเด่นชัดยิ่งขึ้น ชีสที่เราได้ลองในครั้งนี้เป็นชีสจาก Chichibu Yamanami Cheese Kobo ที่อยู่ในเขต Yoshida ใกล้กับเมือง Ogano เป็นชีสบ่มที่ใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของท้องถิ่น เช่น เชดดาร์ชีสที่มีส่วนผสมจากเบียร์ดำของ Chichibu ที่ชื่อว่า Kurokuma ให้รสชาติโดดเด่นที่ยากจะลืมเลือน กลิ่นชีสที่เข้มข้นเข้ากันได้ดีกับรสชาติของ Chichibu Wine แสดงให้เห็นถึงการเคารพต่อศาสตร์ดั้งเดิมและการเอาใจใส่ในคุณภาพ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของ Chichibu

ชื่อ : Chichibu Wine
ที่ตั้ง : 41 Ryokami Susuki, Ogano-machi, Chichibu-gun, Saitama
การเดินทาง : จากสถานี Chichibu หรือ Seibu Chichibu นั่งรถบัส 45 นาที ลงที่ป้าย Ogano Shako แล้วเดินต่อ 12 นาที

Seibu Chichibu Ekimae Onsen Matsuri no Yu เป็นออนเซ็นสไตล์คอมเพล็กซ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับสถานี Seibu Chichibu เหมาะมากสำหรับการปิดท้ายทริปเที่ยว Chichibu สถานที่นี้มีคอนเซ็ปต์คืองานเทศกาล เป็นการผสมผสานกันระหว่างออนเซ็นแสนสบาย ร้านรีแลกซ์เซชั่น และร้านของฝากที่วางจำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อในท้องถิ่น สามารถสัมผัสประสบการณ์แสนผ่อนคลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักราวกับงานเทศกาล

หลังจากเยียวยาร่างกายและจิตใจที่ออนเซ็นแล้ว ก็ขอแนะนำให้ไปเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของฝากและลิ้มรสเมนูท้องถิ่นอร่อยๆ ร้านที่ไม่ควรพลาดเป็นพิเศษคือ Nomikui Dokoro Matsuri no Utage ที่อยู่ภายในศูนย์อาหาร เป็นร้านที่เสิร์ฟเมนูท้องถิ่นของ Chichibu อย่างหลากหลาย รวมถึงเมนูชื่อดังอย่าง Waraji Katsudon และ Miso Potato ซึ่งควรลองให้ได้สักครั้งเมื่อมีโอกาสได้แวะมา

Waraji Katsudon มีจุดเด่นเป็นคัตสึชิ้นบานใหญ่ที่ดูคล้ายกับ Waraji (รองเท้าฟาง) เมนูนี้ใช้คัตสึหมู 2 แผ่น ภายนอกมีสีทอง หอม และกรุบกรอบ ส่วนภายในก็ชุ่มช่ำและอ่อนนุ่ม ด้านซอสราดก็มีความเข้มข้นสูง สามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่เด่นชัดและปริมาณที่เต็มเปี่ยม เป็นเมนูชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนในพื้นที่

อีกหนึ่งเมนูก็คือ Miso Potato ของขึ้นชื่อประจำ Chichibu ที่ห้ามพลาดอย่างยิ่ง เป็นหนึ่งในเมนูท้องถิ่นที่พบเห็นได้ตามชีวิตประจำวันและงานเทศกาลของ Chichibu เป็นมันฝรั่งทอดราดด้วยซอสมิโซะหวานอ่อนๆ สูตรพิเศษของ Chichibu มีความเค็มและเข้มข้นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว กลายเป็นรสชาติที่อบอุ่นและเรียบง่ายในสไตล์ Chichibu ช่วยให้รู้สึกถึงจุดเด่นของท้องถิ่นในทุกๆ คำที่รับประทาน

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็สามารถไปเดินชมร้านค้าและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของ Chichibu ได้ เหมาะมากสำหรับเป็นที่ระลึกของการเดินทาง มีทั้งของฝากที่มีเอกลักษณ์ งานศิลปะ และขนมสูตรพิเศษจากวัตถุดิบท้องถิ่น หากต้องการผ่อนคลายพลางเพลิดเพลินไปกับรสชาติต้นตำรับของ Chichibu ก็รับรองได้ว่า Matsuri no Yu จะสามารถตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน

ชื่อ : Seibu Chichibu Ekimae Onsen Matsuri no Yu
ที่ตั้ง : 1-16-5 Nosaka-machi, Chichibu-shi
การเดินทาง : ตั้งอยู่หน้าสถานี Seibu Chichibu ของรถไฟสาย Seibu Chichibu, เดิน 5 นาทีจากสถานี Ohanabatake ของรถไฟ Chichibu

Ogano เป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา Chichibu นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำไปแล้ว บ้านเมืองของ Ogano ก็ยังหลงเหลือไว้ด้วยอาคาร Kurazukuri สไตล์ดั้งเดิมมากมาย อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงอดีต เมื่อเดินไปตามบ้านเมืองของ Ogano ก็จะพบกับร้านค้าเล็กๆ ที่วางจำหน่ายขนมหรืองานฝีมือท้องถิ่น เหมาะสำหรับการเดินเล่นอย่างสบายๆ เป็นจุดท่องเที่ยวในฝันสำหรับผู้ที่ชอบถ่ายรูปและนักเดินทางที่มองหาบรรยากาศแบบญี่ปุ่นสมัยก่อน หากได้ออกเดินทางจากโตเกียวมาสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ Ogano ก็รับรองว่ามนต์เสน่ห์และความเรียบง่ายของสถานที่แห่งนี้จะทำให้ทริปของคุณเป็นที่น่าจดจำอย่างแน่นอน