ทัวร์เดินชมประวัติศาสตร์พร้อมลองแต่งกายในชุดนินจาและซามูไร !

ซามูไรในชุดเกราะเท่ๆ และนินจาที่ดูลึกลับ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้งตามอนิเมะ เกม และละครย้อนยุคของญี่ปุ่น ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวบริเวณจุดขึ้นรถบัสของปราสาท Oshi เป็นสถานที่ที่มีการให้บริการเช่าชุดเกราะและชุดนินจา สามารถแวะมาแต่งกายในชุดที่คุณใฝ่ฝัน พร้อมถ่ายรูปที่ระลึกโดยมีพื้นหลังเป็นปราสาทญี่ปุ่นอันโด่งดัง

ประสบการณ์ Oshijo Samurai Taiken มีแพลนให้เลือกใช้บริการอยู่ 3 แบบ ประกอบไปด้วย Ume ที่เป็นแบบง่ายๆ ซึ่งมาพร้อมกับหมวก ชุดเกราะ และดาบซามูไร, Take ที่ดูสมจริงขึ้นด้วยการเพิ่มกิโมโนโคโซเดะ เสื้อคลุมฮากามะ และถุงเท้าทาบิเข้าไป, และ Matsu ที่ช่างภาพมืออาชีพจะพาคุณไปถ่ายรูปตามสถานที่กลางแจ้งและจุดน่าสนใจต่างๆ ของปราสาท Oshi เป็นโอกาสดีที่จะได้เก็บรูปถ่ายเท่ๆ หน้าปราสาท Oshi โดยถือดาบและสวมชุดเกราะสไตล์ดั้งเดิม
ติดต่อจองได้ที่นี่: https://www.gyoda-kankoukyoukai.jp/en/archives/tour/oshi-castle-samurai-costmume-experience

ประสบการณ์ Oshijo Ninja Taiken ก็มีให้เลือก 3 แบบเช่นเดียวกัน ได้แก่ Ume ที่เป็นเหมือนเกมปาดาวกระจาย, Take ที่มีชุดนินจาให้ลองสวม, และ Matsu ที่มาพร้อมกับช่างภาพมืออาชีพ ในยุคเซ็นโกคุปราสาทนี้ได้รับการปกครองโดยตระกูล Narita ที่อยู่ฝ่ายตระกูล Hojo ซึ่งโด่งดังจากองค์กรนินจาประจำตระกูลที่ชื่อว่า Fuma ช่วยให้สามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่ผู้ชื่นชอบยุคเซ็นโกคุไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ติดต่อจองได้ที่นี่: https://www.gyoda-kankoukyoukai.jp/en/archives/tour/oshi-castle-ninja-experience

Oshi Castle Bus Terminal Tourist Information Center
ที่ตั้ง: 3-5, Honmaru, Gyoda-shi, Saitama
การเดินทาง: เดินประมาณ 13 นาทีจากสถานี Gyodashi ของรถไฟ Chichibu
เวลาทำการ: มีนาคมถึงพฤศจิกายน 9:30 – 16:30 น., ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ 10:00 – 16:00 น.

ปราสาท Oshi ก่อสร้างขึ้นในยุคมุโรมาจิช่วงปีบุงเม (ปี 1569 – 1486) เมือง Gyoda ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นบริเวณกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่ทิศเหนือและใต้ขนาบไปด้วยแม่น้ำ Tonegawa และ Arakawa รวมถึงเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำซึ่งเกิดจากการผุดขึ้นของน้ำใต้บาดาล โดยเฉพาะบริเวณรอบปราสาท Oshi นั้นแผ่กว้างไปด้วยบึงที่เป็นเหมือนเขื่อนตามธรรมชาติ ส่งผลให้เป็นปราสาทที่ได้เปรียบทางตำแหน่งที่ตั้งมากๆ
ในระหว่างการบุกโจมตี Odawara ของ Toyotomi Hideyoshi เมื่อปี 1590 หนึ่งในห้าขุนพลที่ชื่อว่า Ishida Mitsunari ได้ดึงน้ำจากแม่น้ำ Tonegawa และ Arakawa มาโจมตีปราสาทหลังนี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วงชิงได้สำเร็จ จนถูกกล่าวว่า “”ที่ปราสาทไม่จมน้ำก็เพราะว่าลอยอยู่บนท้องฟ้า”” ส่งผลให้ปราสาทนี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Fujo (ปราสาทลอยฟ้า) เป็นเรื่องราวโด่งดังที่ถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์เรื่อง Nobo no Shiro รวมถึงได้ปรากฏอยู่ในเกมชื่อดังมากมาย เช่น Nobunaga no Yabo และ Token Ranbu Muso

ปัจจุบันนี้ร่องรอยปราสาท Oshi ได้ถูกปรับแต่งให้เป็นสวนสาธารณะประวัติศาสตร์ และมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของเมือง Gyoda อยู่ภายในบริเวณ ภายในพิพิธภัณฑ์ทำการจัดแสดงประวัติการก่อสร้างปราสาท แบบจำลองภายในตัวปราสาท เครื่องปั้น Haniwa ที่ขุดพบจากสุสานโบราณของเมือง Gyoda รวมถึงประวัติของถุงเท้าทาบิ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมกิโมโนอย่างแน่นแฟ้น ช่วยให้สามารถเข้าใจวัฒนธรรมและพื้นหลังทางประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ได้อย่างลึกซึ้ง

Osangai Yagura เป็นอาคารที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่และเชื่อมต่ออยู่กับพิพิธภัณฑ์ ชั้นบนสุดสามารถมองเห็นวิวเมือง Gyoda ได้อย่างทั่วถึง ให้ความรู้สึกราวกับเป็นเจ้าของปราสาทในอดีต ในวันที่อากาศดีก็จะสามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้ด้วย

ปราสาท Oshi
ที่ตั้ง: 17-23, Honmaru, Gyoda-shi, Saitama
การเดินทาง: เดินประมาณ 15 นาทีจากสถานี Gyodashi ของรถไฟ Chichibu

หลังจากเที่ยวชมปราสาท Oshi แล้ว ก็ขอแนะนำให้แวะไปที่สวนสาธารณะ Suijo ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน สวนสาธารณแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นคูน้ำของปราสาท Oshi ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกผักตบชวา ภายในสวนมีบ่อน้ำ Aoi no Ike ที่กว้างถึง 1,700 ตารางเมตร และจะงดงามไปด้วยดอกผักตบสีม่วงอ่อนในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม

บริเวณบ่อน้ำ Shinobu Ike ที่อยู่ฝั่งตะวันตกของสวนเป็นจุดชมซากุระอันยอดเยี่ยม ในช่วงปลายมีนาคมจะเบ่งบานไปด้วยซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะกว่า 200 ต้น เนื่องจากเป็นจุดลับๆ ที่ไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการชื่นชมซากุระอย่างเงียบสงบ

สวนสาธารณะ Suijo
ที่ตั้ง: 1249, Suijo Koen, Gyoda-shi, Saitama
การเดินทาง: เดินประมาณ 13 นาทีจากสถานี Gyodashi ของรถไฟ Chichibu

หลังจากเที่ยวชมปราสาท Oshi และสวนสาธารณะ Suijo แล้ว ก็ขอแนะนำให้แวะมาขอพรด้านความปลอดภัยที่ศาลเจ้า Gyoda Hachiman ศาลแห่งนี้สร้างขึ้นในยุคเฮอัน (ปี 794 – 1180) โดย Minamoto ni Yoriyoshi และ Yoshiie ผู้เป็นบุตรชาย ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น Fuji no Miya (ศาลปิดผนึก) ที่ช่วยหยุดยั้งภัยอันตรายอย่างหลากหลาย เช่น ความเคยชินที่ไม่ดี โรคหายยาก และการร้องไห้ยามดึกของเด็กทารก
ภายในบริเวณมีศาล Meno ที่ให้พรด้านดวงตา ศาล Kasamori Inari ที่ช่วยให้ผิวสวยและลดผื่นคัน และศาล Okuninushi ที่สักการะเจ็ดเทพนำโชคแห่งปราสาท Oshi ในพักหลังนี้ก็ได้โด่งดังจาก Nade Momo ลูกท้อศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าจะช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายเพียงแค่ได้สัมผัส ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก

อีกหนึ่งจุดห้ามพลาดของศาลเจ้า Gyoda Hachiman ก็คือ Hanachozu อ่างน้ำโรยด้วยดอกไม้สวยงามที่ดัดแปลงมาจาก Chozuya ซึ่งเป็นจุดชำระล้างมือและช่องปากที่มักพบเห็นได้ตามวัดและศาลเจ้าทั่วไป โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในปี 2020 และช่วยเยียวยาจิตใจให้กับผู้ที่พบเห็น ปัจจุบันมีอ่างน้ำดังกล่าวในขนาดเล็กใหญ่วางอยู่ตามจุดต่างๆ ของศาลเจ้า และจะทำการเปลี่ยนดอกไม้ที่ประดับไว้ในทุกๆ สัปดาห์

ไอเดีย Hanachozu นี้ได้แพร่หลายไปไปทั่วเมือง Gyoda ถึงขนาดที่มีอีเวนต์ประจำเดือน Gyoda Hanchozu Week จัดขึ้นในช่วงวันที่ 1 – 14 (15 – สิ้นเดือน สำหรับพฤศจิกายนและมกราคม) ในช่วงดังกล่าวจะมีการเรียงอ่างน้ำและหม้อดินเผาไว้ตามร่มเงาร้านค้าและบ้านเรือน แต่งแต้มบรรยากาศโรแมนติกและอ่อนโยนให้กับทั่วทั้งเมืองด้วย Hanachozu ที่อัดแน่นด้วยดอกไม้สดใหม่

ศาลเจ้า Gyoda Hachiman
ที่ตั้ง: 16-23, Gyoda, Gyoda-shi, Saitama
การเดินทาง: เดินประมาณ 8 นาทีจากสถานี Gyodashi ของรถไฟ Chichibu

หากการเที่ยวเมือง Gyoda ทำให้คุณรู้สึกสนใจในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและเรื่องราวการบุกโจมตี Odawara ของ Toyotomi Hideyoshi ก็ไม่ควรพลาดที่จะเดินทางไป Kawagoe ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวอันโด่งดัง หนึ่งในวิธีเดินทางที่เราขอแนะนำก็คือ นั่งรถไฟ JR จากสถานี Gyoda แล้วต่อรถไฟสาย Kawagoe ที่สถานี Omiya ก็จะสามารถถึงสถานี Kawagoe โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากสถานีนี้สามารถนั่งรถบัสหรือเดินเท้าไปยัง Kurazukuri no Machinami ย่านที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเอโดะขนาดย่อม

Kurazukuri เป็นสไตล์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมของยุคเอโดะ (ปี 1600 – 1868) มีจุดเด่นเป็นหลังคาปูด้วยกระเบื้อง โครงสร้างที่ทาด้วยแลคเกอร์สีดำ และประตูแบบพลักกลางที่ดูแข็งแรง บ้านเรือนของพ่อค้าในยุคนั้นนิยมใช้สไตล์นี้มากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันไฟลามเวลาเกิดอัคคีภัย ปัจจุบันมีหลงเหลืออยู่ที่ย่าน Ichibangai ของ Kawagoe เท่านั้น สามารถรับชมทิวทัศน์บ้านเมืองสไตล์เอโดะที่ราวกับได้ย้อนเวลาไปในอดีต หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าอาคารแต่ละหลังมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอีกด้วย

นอกจากจุดท่องเที่ยวยอดฮิตอย่าง Kurazukuri no Machinami แล้ว ละแวกนี้ก็ยังมีไฮไลท์เป็นปราสาท Kawagoe สิ่งก่อสร้างสไตล์ Honmaru Goten เพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก ปราสาทนี้สร้างขึ้นในยุคมุโรมาจิ (ปี 1336 – 1568) โดยตระกูล Ogigayatsu Uesugi ที่เป็นผู้ปกครองท้องถิ่น เพื่อต่อต้านตระกูล Ashikaga ที่เป็นคู่แข่ง โดยสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1457 ภายหลังได้ถูกโจมตีโดยตระกูล Hojo และพ้ายแพ้ให้กับ Maeda Toshiie ในช่วงการบุกโจมตี Odawara ของ Toyotomi Hideyoshi เป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เช่น ถูกใช้เป็นพื้นที่ปกครองของ Tokugawa Ieyasu ใช้ช่วงที่เขาถูกย้ายไปประจำการที่ภูมิภาคคันโต

หลังการปฏิรูปเมจิ (ปี 1868 – 1889) ปราสาท Kawagoe ก็ถูกลดพื้นที่ลงเรื่อยๆ แต่ก็มีบางส่วนหลงเหลือไว้และได้รับการระบุให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของจังหวัดไซตามะ เช่น โถงหลัก ประตูหน้า และ Karo Tsumesho (สถานที่ประจำการของหัวหน้าคนรับใช้) ที่ขนย้ายจากสถานที่อื่นมาสร้างขึ้นใหม่ นอกจากนี้ โถงหลักของ Honmaru Goten ที่ยังหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่นนั้น มีแค่ที่ปราสาท Kawagoe และปราสาท Kochi เท่านั้น นับว่าเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง

ละแวก Kawagoe มีร้านเช่ากิโมโนให้บริการอยู่มากมาย เหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากลองสวมกิโมโนสวยๆ พลางเดินเล่นและถ่ายรูปที่ระลึกตามบ้านเรือนย้อนยุคและปราสาทญี่ปุ่น

Kurazukuri no Machinami
การเดินทาง: นั่งรถไฟ Tobu Tojo ลงที่สถานี Kawagoe ของรถไฟ JR Kawagoe หรือสถานี Kawagoe ของรถไฟ Seibu Shinjuku จากนั้นต่อรถบัส Seibu ไปลงที่ป้าย Ichibangai

Kawagoejo Honmaru Goten
ที่ตั้ง: 2-13-1, Kuruwa-machi, Kawagoe-shi
การเดินทาง: นั่งรถไฟ Tobu Tojo ลงที่สถานี Kawagoe ของรถไฟ JR Kawagoe หรือสถานี Kawagoe ของรถไฟ Seibu Shinjuku จากนั้นเดินประมาณ 8 นาทีจากป้าย Fuda no Tsuji ของรถบัส Seibu หรือไม่ก็นั่งรถบัส Koedo Junkai ไปลงที่ป้าย Hakubutsukan Bijutsukan Mae

ทั้งหมดนี้เป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตประจำ Gyoda และ Kawagoe ที่เราได้คัดเลือกมานำเสนอ หากคุณชื่นชอบประวัติศาสตร์ยุคเซ็นโกคุ ก็ไม่ควรพลาดที่จะเที่ยวชมสถานที่ชื่อดังเหล่านี้ดูสักครั้ง !