เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จิจิบุ – สาเกท้องถิ่นจากจิจิบุ-
features
อัปเดตเมื่อ:2024.11.28
เมืองเล็กๆอันเงียบสงบที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาอันเขียวชอุ่มและแม่น้ำที่ไหลเอื่อย เต็มไปด้วยประเพณีดั้งเดิมที่มีมายาวนานด้วยความซาบซึ้งและการอุทิศตนเพื่อรังสรรค์สาเก ไวน์ วิสกี้ และเบียร์เพื่อความเพลิดเพลินของผู้คน
บางทีเราอาจจะสังเกตเห็นว่าอากาศของที่นี่มีเสน่ห์มากกว่าที่อื่นสักหน่อย หรือน้ำมีรสชาติที่สดชื่นกว่าเล็กน้อย เป็นสถานที่ที่ธรรมชาติผสมผสานกับประเพณีเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง
ขอต้อนรับสู่จิจิบุค่ะ!
การเดินทางจากโตเกียวไปยังจิจิบุนั้นค่อนข้างง่าย เพียงแค่จองที่นั่งบนรถไฟด่วนพิเศษ “La view” จากสถานีอิเคะบุคุโระไปยังสถานีเซบุ-จิจิบุ รถไฟขบวนนี้วิ่งให้บริการทุกๆหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นจึงมีตัวเลือกไว้บริการมากมาย หลังพาตัวเองขึ้นไปบนรถไฟแล้ว ก็แค่นั่งเอนหลังและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงจากตัวเมืองไปจนถึงชนบทวิวภูเขาซึ่งมีอาคารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมสอดแทรกตลอด 80 นาทีของการเดินทาง
เมื่อถึงสถานีจิจิบุเราอยากให้ลองแวะที่ศาลเจ้าจิจิบุเพื่อขอพรให้โชคดี ศาลเจ้าที่มีสีสันแห่งนี้มีประวัติยาวนานถึง 2100 ปี ภายในบริเวณศาลเจ้าเราจะได้พบกับประติมากรรมสี่ชิ้นบนหอหลัก รวมถึงมังกรถูกล่ามโซ่ ครอบครัวของเหล่าเสือ นกฮูกแห่งปัญญา และลิงที่ร่าเริงสามตัว ตลอดจนสวนญี่ปุ่น
อย่าลืมซื้อใบเซียมซีแสนพิเศษก่อนออกจากศาลเจ้า ใบเซียมซีนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยสามารถเห็นคำทำนายได้เมื่อจุ่มลงในน้ำเท่านั้น ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีความเกี่ยวข้องในด้านการศึกษา ดังนั้นหากใครกำลังศึกษาสิ่งใหม่ๆ สามารถเลือกซื้อเครื่องรางเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ค่ะ
Bukou Brewery (บุโค บริวเวอรี่)
สถานีต่อไปของเราคือ Bukou Brewery ซึ่งใช้เวลาเดินเพียง 15 นาทีจากสถานีเซบุ-จิจิบุ โรงหมักสาเกแห่งนี้หลอมรวมเข้ากับความดั้งเดิมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานถึง 260 ปี นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 1753 ตัวอาคารนั้นได้รับการกำหนดขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ เนื่องจากมีอายุมากกว่า 200 ปี และเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในจิจิบุ
ที่ Bukou Brewery ใช้วิธีการแบบดั้งเดิมในการกลั่นสาเกคุณภาพสูงสุดด้วยมือ ก่อนเข้าเยี่ยมชมกรุณาจองทัวร์ (รองรับในพื้นที่จำกัด) ของโรงหมักสาเกนี้เพื่อให้สามารถเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตสาเกและสัมผัสประสบการณ์ทุกอย่างได้อย่างใกล้ชิด ทัวร์เริ่มต้นในร้านค้าที่รายล้อมไปด้วยขวดสาเกหลากหลายรสชาติที่ทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน สาเกบางประเภทมีจำหน่ายเฉพาะในบางฤดูกาลเท่านั้น จึงมีสิ่งใหม่ๆให้ได้ค้นหาอยู่เสมอ
หลังจากมองไปรอบๆ ร้านแล้วจะสามารถเข้าไปชมบ่อน้ำซึ่งสามารถมองเห็นน้ำที่อุดมด้วยแร่ธาตุจากภูเขาบุโคซึ่งเปรียบเหมือนเส้นเลือดหลักของสาเกที่ได้ไหลลงสู่โรงหมัก จากนั้นเราจะตรงไปที่ห้องหม้อไอน้ำและโรงสีทำความสะอาดข้าว โดยจะเห็นได้ว่าพวกเขาเตรียมทุกอย่างด้วยมืออย่างไร หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสาเกและกระบวนการผลิตแล้ว เราจะไปต่อที่พื้นที่การชิมรสชาติ ที่นี่มีสาเกหลายประเภทให้ลอง และมาสเตอร์สามารถแนะนำสาเกที่สมบูรณ์แบบตามรสนิยมของทุกคนได้
ชนะรางวัลมามากมายรวมถึงรางวัลทองคำและรางวัลยอดเยี่ยมจากสาเกที่ผลิตขึ้นตั้งแต่การคัดสรรสาเกที่กลั่นด้วยมืออย่างดีที่สุดไปจนถึงมาสเตอร์ที่เป็นมิตรและจะช่วยทุกคนให้พบกับขวดสาเกที่สมบูรณ์แบบเพื่อเติมเต็มโอกาสพิเศษของคุณ (ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อพิเศษหรือเพียงแค่งานอีเว้นท์ประจำวัน) นี่คือโรงหมักสาเกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชมในขณะท่องเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่น
Usagida Winery (อุซางิดะ ไวเนอรี่)
เดินทางไปต่อกันที่โรงกลั่นเหล้าองุ่นท้องถิ่นซึ่งเราสามารถเดินผ่านไร่องุ่นที่มีแค่องุ่นคุณภาพสูงปลูกไว้เท่านั้น และปิดท้ายด้วยการสุ่มหาตัวอย่างไวน์ที่คุณชอบ โรงไวน์ Usagida Winery ใช้องุ่นที่ปลูกในท้องถิ่นแบบ 100% มาทำไวน์ทั้งหมด และยังได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลผลิตภัณฑ์ใหม่ของไซตามะประจำปี 2020 สำหรับไวน์แดงชื่อ “Yuki”
โรงกลั่นเหล้าองุ่นแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ “ถนนผลไม้” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยฟาร์มองุ่น สตรอเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่มากมายหลายแห่ง ห่างจากโรงกลั่นเหล้าองุ่นไปเล็กน้อย พวกเขายังมีร้านอาหารที่คุณสามารถลองชิมไวน์หรือเพลิดเพลินกับอาหารไปพร้อมการจิบไวน์สักแก้ว ลองลิ้มรส ‘วาราจิ คัตสึด้ง’ เมนูพิเศษของจิจิบุ ซึ่งเป็นหมูชุบเกล็ดขนมปังโดยจับคู่กับไวน์แดงของ Usagida รสเลิศ
ภูมิทัศน์เมืองจิจิบุ
ในขณะที่เดินเล่นอยู่ในเมืองลองแวะชม Chichibu Furusato-kan (หออาคารบ้านเกิด) ซึ่งสามารถลองทำงานฝีมือ เลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น หรือแต่งชุดกิโมโนที่มีให้เช่าก่อนออกไปเดินเล่นในเมือง
อาคารแห่งนี้มีอายุย้อนไปยังช่วงปี 1920 และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้
จิจิบุยังมีชื่อเสียงในด้านสิ่งทอผ้าไหมอันเป็นเอกลักษณ์ รู้จักกันในชื่อ “จิจิบุ เมเซ็น” ซึ่งเราสามารถเห็นตัวอย่างได้มากมายขณะเดินผ่านในเมือง
จิจิบุ เมเซ็นกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางตั้งแต่ต้นปี 1900 และมีให้เลือกหลายสีในสามสไตล์: ธรรมดา ลายทาง และลวดลาย ในปี 2013 ได้รับการกำหนดให้เป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หากสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งทอผ้าไหมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมนี้และวิธีการทำหรือหากอยากจะทดลองทำ อย่าลืมแวะไปที่พิพิธภัณฑ์ Chichibu Meisen
Te Airigh (เท อารี่)
จุดหมายต่อไปของเราคือ Public Bar Te Airigh (ออกเสียงคล้ายกับ ‘เชอร์รี่’) สวรรค์ของคนรักวิสกี้
ที่นี่เราจะได้พบกับวิสกี้กว่า 700 ชนิดจากทั่วทุกมุมโลก วิสกี้จิจิบุท้องถิ่นมากมาย รวมถึงมอลต์จาก Ichiro กว่า 50 ชนิด และขวดวิสกี้แบบลิมิเต็ดและหายาก
Te Airigh ยังได้จับคู่กับร้านขนมเพื่อสร้างขนมที่สมบูรณ์แบบเพื่อเสริมให้เข้ากับวิสกี้สักแก้ว เค้กเหล่านี้ทำขึ้นจากผลไม้ตามฤดูกาลหรือช็อคโกแลตและวิสกี้ โดยสะท้อนถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ของหวานจากที่ร้านสามารถซื้อแบบกลับบ้านได้ อยากให้ลองได้ลิ้มรสชาติของหวานที่นี่กันค่ะ
เจ้าของร้านสามารถพูดภาษาอังกฤษได้และยินดีที่จะช่วยเราค้นหาวิสกี้ที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้อาจแปลกใจที่กับความสวยงามของขวดวิสกี้และเบียร์รุ่นลิมิเต็ดที่ร่วมมือกับ Anohana ‘ดอกไม้ มิตรภาพ และ ความทรงจำ’ ซึ่งเป็นแอนิเมชั่นจากจิจิบุนั่นเอง
Highlander Inn Chichibu (ไฮแลนเดอร์ อินน์ จิจิบุ)
ร้านสุดท้ายของเราในทริปนี้คือ Highlander Inn Chichibu ซึ่งเป็นร้านสไตล์แบบผับอังกฤษมาบรรจบกับสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ผ่อนคลายด้วยวิสกี้ท้องถิ่นของจิจิบุสักแก้วขณะที่เพลิดเพลินกับฟิชแอนด์ชิปส์หรือเชพเพิร์ดพาย เมนูของร้านประกอบด้วยอาหารหลากหลายรวมถึงอาหารสก็อตแท้ๆ
ภายในร้านมีห้องเสื่อทาทามิแบบดั้งเดิม ตลอดจนลานบ้านขนาดเล็กและห้องเก็บวิสกี้ ‘คุระ บาร์’ บรรยากาศของร้านจะเปลี่ยนไปตามแต่ละห้องที่เราก้าวเข้าไป รับประกันได้ว่าที่นี่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการเดินทางของคุณ
ของฝาก
ก่อนเดินทางออกจากจิจิบุ อยากให้ลองไปเดินชมรอบๆ มัตสึริ โนะ ยุ(Matsuri no Yu) ซึ่งอยู่ติดกับสถานีเซบุ-จิจิบุ โดยได้รับการออกแบบให้คล้ายกับบ่อน้ำพุร้อนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลญี่ปุ่น อาคารแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ น้ำพุร้อน ศูนย์อาหาร และร้านค้า บ่อน้ำพุร้อนมีทั้งห้องอาบน้ำในอาคารและกลางแจ้ง รวมทั้งศูนย์พักผ่อน
ที่ศูนย์อาหารซึ่งได้รักษาบรรยากาศของเทศกาลไว้นั้นเราจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นมากมาย เช่น
โซบะ อุด้ง โฮรุมงหรือฮอร์โมน (เนื้อทอดหรือเครื่องในหมู) เจลาโต้ และมันฝรั่งมิโซะในบรรยากาศที่สดใสและเป็นกันเอง
ในร้านค้าต่างๆ มีการขายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่นมากมาย เช่น ผ้าไหมจิจิบุเมเซ็น มาส์กหน้าและเครื่องสำอางที่ทำจากสาเก ช็อคโกแลตหลากสีและเยลลี่ผลไม้ที่ห่อด้วยลวดลายตกแต่งที่สวยงาม รวมถึงสาเกประเภทต่างๆ หากคุณกำลังมองหาสาเกญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมลองเลือก “มินิทารุสาเก (สาเกถังไม้ไซส์มินิ)” หรือขวดสาเกที่ออกแบบออกมาอย่างสวยงาม
จิจิบุรายล้อมไปด้วยธรรมชาติและเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติตลอดทั้งปี อะไรจะดีกับการเฉลิมฉลองฤดูกาลมากไปกว่าการชื่นชมของขวัญจากธรรมชาติในขณะที่เพลิดเพลินไปกับความแตกต่างในรสชาติของสาเกตามฤดูกาล
บริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านค้าและผับมากมายที่เราสามารถมาผ่อนคลายและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรสชาติอันยอดเยี่ยมของสาเกญี่ปุ่น ลองเข้าร่วมทัวร์และพยายามค้นหารสชาติที่ใช่สำหรับคุณ จิจิบุแห่งนี้ยังมีอะไรมากมายรอเพื่อสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนให้กับทุกคนอยู่ค่ะ
<ลิ้งก์>
จิจิบุ คัมปัย รีพับลิค (มีรองรับในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น – มีภาพถ่ายประกอบมากมาย)
https://www.chichibu-omotenashi.com/kanpai/
บทนำสู่วัฒนธรรมในจิจิบุ
https://en.chocotabi-saitama.jp/ichioshi/model_c/bunkazai/chichibu/
จิจิบุ ไฮไลท์
https://th.chocotabi-saitama.jp/magazine?area%5B%5D=chichibu#magazine_list