สิ่งที่ต้องทำ
ผลการค้นหา305

ร่องรอยของเตาเผาที่ถูกใช้ในศตวรรษที่ 7 และกล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในเตาเผาที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดไซตามะ ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานในจังหวัดไซตามะ ในตอนแรกสิ่งนี้ถูกคิดว่าจะเป็นเตาเผาสำหรับการก่อสร้างวัดมุซาชิ โคะคุบุนจิ แต่จากการเปรียบเทียบกับกระเบื้องที่ขุดจากที่นี่พบว่าเป็นเตาเผาที่สร้างขึ้นเพื่อก่อสร้างวัดชุงุโระไฮจิ ในเมืองซะกะโด

ตลอดทั้งปีคุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การเก็บเกี่ยว ฤดูใบไม้ผลิ: มะเขือเทศ, เก็บสตรอเบอร์รี่ ฤดูร้อน: มะเขือยาว, เก็บบลูเบอร์รี่ ฤดูใบไม้ร่วง: เก็บเกาลัดง, ขุดมัน ฤดูหนาว : บร็อคโคลี, หัวหอม, หัวไชเท้า ฯลฯ คุณสามารถใช้บริการชั้นเรียนอุด้งทำมือของขึ้นชื่อของเมือง, บาร์บีคิว และแคมป์ (การหุงข้าว) ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายนจะจัดแสดงบนเวทีเช่น Precure, Kamen Rider และ Anpanman ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ ในวันที่อากาศดีจะจัดบนเวทีกลางแจ้งและในสภาพอากาศที่ฝนตกจะจัดขึ้นที่ฮอลขนาดใหญ่อาคารแฟมิลี่

ด้วยการบำรุงรักษาทางชีวภาพทำให้หนองน้ำมีความคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น เป็นจุดตกปลาที่ยอดเยี่ยมมีนักตกปลาจำนวนมากเดินทางมาชมตลอดทั้งปี

คุณสามารถตามหารสชาติในสภาพแวดล้อมที่สวยงามบนทางลาดทางใต้ และยังสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาบุโคะตรงหน้าได้ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันโคโรน่าไวรัสเราขอให้คุณสวมหน้ากากและฆ่าเชื้อด้วยเจลแอลกอฮอลที่มือ

เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการส่งเสริมการเกษตรและการฟื้นฟูภูมิภาค ที่นี่เป็นสถานที่ขายตรงสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่จำหน่ายสินค้าเกษตรในท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์พิเศษเป็นหลัก นอกจากสินค้าเกษตรในท้องถิ่นแล้ว ยังจำหน่ายงานหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์แปรรูปทั้งภายในและภายนอกจังหวัด ภายในร้านมีพื้นที่สำหรับทานอาหารและดื่มเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สนามหญ้าในสถานที่ ในอนาคตเรามีแผนการที่จะให้เช่าห้องแปรรูปที่สามารถผลิตขนมและเครื่องเคียงได้

สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับ "เกษตรกร" x "พ่อค้า" ที่สร้างขึ้นในปีเฮเซที่ 18 เพื่อเป็นฐานในการฟื้นฟูพื้นที่ขึ้นใหม่ ผักสดๆและผลิตภัณฑ์แปรรูปในท้องถิ่นมีตั้งเรียงราย สำหรับการใช้ "สถานที่ย่างบาบีคิวคาวะ โนะ ฮิโรบะ" ที่เปิดอยู่ในบริเวณใกล้เคียง กรุณาติดต่อมายังเรา เรากำลังรอคุณอยู่พร้อมกับ "โนระบิตัน" ตัวมาสคอตที่นำรูปแบบมาจากผลิตภัณฑ์พิเศษของเมืองคือ "โนะระโบนะ" และ "อะโอนาสุ"

คุณสามารถมองเห็นเมืองได้จากด้านบนภูเขาโยชิกาวะฟูจิ (หรือที่เรียกว่า คิโยมิโนะฟูจิ) ซึ่งสูงประมาณ 16 เมตรและเป็นสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะ เมื่ออากาศดีคุณสามารถเห็น Sky Tree, Mt. Fuji ที่แท้จริง และ Mt. Tsukuba สวนสาธารณะส่วนใหญ่เป็นสวนสาธารณะที่กว้างขวางปกคลุมด้วยหญ้า

เฉพาะการเก็บและซื้อกลับบ้านเท่านั้น อาจหมดก่อนขึ้นอยู่กับสภาพของสตรอว์เบอร์รี! พันธุ์ที่ทานได้ไม่อั้น: Benipoppe, Tochiotome, Yayoihime, พันธุ์สำหรับซื้อเป็นของฝาก: Amarin, Benipoppe, Tochiotome, Yayoihime

ฟาร์มสตรอเบอร์รี่ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของอาชิกะคุโบะในจิจิบุ ตั้งอยู่บนเนินเขา วิวก็โดดเด่นสวยงาม! โปรดเพลิดเพลินกับสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำมากมายจากการเพาะปลูกด้วยดินสุดพิเศษของเรา☆

น้ำป้องกันไฟป่าเป็นน้ำที่มัทสึไดระ โนบุสึนะซึ่งเป็นไดเมียวคาวาโกเอะได้สั่งให้ยาซึมัทสึ คิเนะมอนผู้เป็นบริวารของเขาผันน้ำมาจากทามะกาวะ โจซุย (เมืองโคะไดระ, โตเกียว) ในปีโชโอที่ 4 (1655) ในฐานะน้ำดื่มที่สำคัญสำหรับผู้บุกเบิกที่ราบสูงเพื่อระงับไฟป่า ปัจจุบันมีทางเดินเล่นรอบ ๆ น้ำชลประทานซึ่งกลายเป็นเส้นทางพักผ่อนที่มีคุณค่าในการเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ความยาวรวมประมาณ 24 กม. และนาข้าวในมูเนโอกะเมืองชิกิก็ชุ่มชื้นเช่นกัน

ศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมนานาชาติจังหวัดไซตามะเป็นสถาบันหลักด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและสถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยกัน เรามอบโอกาศต่างๆในการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนในจังหวัดผ่านห้องจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ การปรับปรุงรีโนเวทได้ทำเสร็จสมบูรณ์ในปี 2020 และได้เกิดใหม่เป็นห้องโถงนิทรรศการใหม่ "อายะคังคัง" เชิญมาสัมผัส "อะไรที่เปลี่ยนไปกันนะ" กันดูสักครั้ง จุดเด่นของการรีโรเวท! อายะคังคังโดม โรงฉายวิดีโอขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกมุมมอง มีสองประเภทคือ "สิ่งแวดล้อมโลก" ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และ "สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ" ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของสิ่งมีชีวิตที่เราคุ้นเคยผ่านแมลงปอ มีที่นั่ง 42 ที่นั่ง

นี่คือเวิร์คช็อปที่สามารถสร้างสิ่งของต่างๆล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่คุณสามารถสร้างเรือแคนูแบบดั้งเดิมโดยใช้ไม้นิชิคาวะในท้องถิ่นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีบริการเรือแคนูให้เช่า ดังนั้นผู้ที่ต้องการลองพายเรือแคนูไม้ก่อนที่จะสร้างเรือ หรือผู้ที่ต้องการจะลองเล่นสนุกด้วยเรือแคนูเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนก็สามารถสัมผัสประสบการณ์นี้ได้เช่นกัน

หมู่บ้านบอนไซโอมิยะก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2468 โดยช่างทำบอนไซที่ย้ายมาจากโตเกียวหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่คันโต พวกเขาเลือกจังหวัดไซตามะเพราะมีอากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด และพื้นที่กว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพาะเลี้ยงบอนไซ ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมบอนไซในญี่ปุ่น โดยมีร้านบอนไซ (บอนไซ-เอน) อยู่ทั้งหมด 6 แห่ง แต่ละแห่งมีสไตล์และเรื่องราวของตัวเอง ติดกับหมู่บ้านนี้คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซโอมิยะ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะแห่งแรกของโลกที่อุทิศให้กับบอนไซโดยเฉพาะ ที่นี่เหมาะสำหรับเริ่มต้นการเยี่ยมชม เพราะให้ทั้งข้อมูลพื้นฐาน การจัดแสดงที่สวยงาม และความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับศิลปะบอนไซ หมู่บ้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีโอมิยะโคเอ็นหรือโทโระ และสามารถเดินถึงได้สะดวก หมู่บ้านเปิดตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม เพราะต้นไม้และสวนจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงนั้น

ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้าในตำนานแห่งการเกษตร คือ ทาคามิมุซุบิ ศาลเจ้าถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1590 และได้รับการบูรณะใหม่โดยอาเบะ มาซาโยชิ ผู้ครองปราสาทโอโอชิ มีการจัดงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น งานเซตสึบุน (การแบ่งฤดูกาล) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ งานไทไนคุรุงิ (พิธีผ่านช่องท้อง) ในวันที่ 30 มิถุนายน และงานโทริโนะอิจิ (เทศกาลไก่) ในวันที่ 8 ธันวาคม

โรงกลั่นสาเกที่ครองสถิติของจังหวัดในการคว้าเหรียญทองจากการประกวดสาเกระดับประเทศ (Annual Japan Sake Awards) ติดต่อกันถึง 8 ปี โรงกลั่นมัตสึโอกะเริ่มต้นจาก มัตสึโอกะ เอมอน ผู้ก่อตั้งรุ่นแรก ซึ่งได้ย้ายโรงกลั่นจากจังหวัดนีงาตะมายังเมืองโอกาวะมาจิ เพื่อแสวงหาน้ำคุณภาพที่ดีกว่า น้ำที่ใช้ในการกลั่นมาจากเทือกเขาจิจิบุ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสูบขึ้นมาจากใต้ดินลึก 130 เมตร สำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองทัวร์โรงกลั่นล่วงหน้าได้ โดยภายในทัวร์จะได้เยี่ยมชมคลังผลิต เรียนรู้กระบวนการกลั่นสาเก และชิมสาเกหลากหลายชนิด ไอศกรีมไดกินโจ (สาเกเกรดพรีเมียม) ซึ่งจำหน่ายที่ร้านขายตรงของโรงกลั่น เป็นที่ชื่นชอบทั้งในหมู่เด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร “โชฟุอัง” ตั้งอยู่ติดกับโรงกลั่นอีกด้วย

ฟุคายะ กรีนพาร์ค เปิดให้บริการในเมืองฟุคายะเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1996 โดยเป็นโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมด้านการเกษตร เสริมสร้างความมั่นคงและเข้มแข็งในการบริหารจัดการ พร้อมทั้งมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพและความแข็งแรงของประชาชนทั่วไป สวนแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 54,000 ตารางเมตร หรือประมาณขนาดเดียวกับโตเกียวโดม ภายในประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในร่มชื่อว่า พาราไดซ์พาทิโอ (รู้จักกันในชื่อ “พาทิโอ”) รวมถึงลานกิจกรรมขนาดใหญ่และเล็กหลากหลายแห่ง เช่น ลานหญ้า เป็นต้น พาทิโอ (พื้นที่ 7,769 ตารางเมตร) ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศคล้ายรีสอร์ตริมชายฝั่งแถบยุโรปตอนใต้และเมดิเตอร์เรเนียน จุดเด่นคือสระว่ายน้ำในร่มเพื่อการพักผ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันโตตอนเหนือ อีกหนึ่งไฮไลต์ของสวนแห่งนี้คือ แปลงดอกไม้ขนาดใหญ่ (พื้นที่ 1,157 ตารางเมตร) ที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงาม

สวนโทะไกเอนเดิมตั้งอยู่ในบริเวณวัดเร็นเกอิน ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายชิงงอน หลังจากที่เจ้าอาวาส โคโซะ ฟูจิโอกะ ทิ้งวัดนี้ในปี ค.ศ. 1864 สวนนี้จึงถูกโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเจ้าของปัจจุบัน ตามตำนาน ดอกวิสเทอร์เรียที่นี่ถูกปลูกโดย โคโบ ไดชิ* ด้วยตัวเองเมื่อเกือบ 1,200 ปีที่แล้ว *โคโบ ไดชิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ คูไค เป็นพระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายชิงงอนของศาสนาพุทธ
ไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ของคุณ หากคุณยังคงเรียกดู แสดงว่าคุณยอมรับการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์นี้ ยอมรับ
CONTACT