สิ่งที่ต้องทำ
ผลการค้นหา305

ตั้งอยู่ที่ทางออกทิศเหนือของสถานี Yoshikawa บนสาย JR Musashino มีผลิตภัณฑ์พิเศษมากมายที่เกี่ยวข้องกับปลาดุกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมือง โยชิกาวะหมู่บ้านแห่งปลาดุก มีสินค้าให้เลือกมากมาย เช่น มันจู โดรายากิ โมนากะ เซมเบ้ และโคล่า ทั้งยังมีการต้อนรับด้วยปลาดุกของแท้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว ดังนั้นลองแวะมาที่นี่เมื่อมาที่โยชิกาวะ

ร่องรอยของเตาเผาที่ถูกใช้ในศตวรรษที่ 7 และกล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในเตาเผาที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดไซตามะ ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานในจังหวัดไซตามะ ในตอนแรกสิ่งนี้ถูกคิดว่าจะเป็นเตาเผาสำหรับการก่อสร้างวัดมุซาชิ โคะคุบุนจิ แต่จากการเปรียบเทียบกับกระเบื้องที่ขุดจากที่นี่พบว่าเป็นเตาเผาที่สร้างขึ้นเพื่อก่อสร้างวัดชุงุโระไฮจิ ในเมืองซะกะโด

เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการส่งเสริมการเกษตรและการฟื้นฟูภูมิภาค ที่นี่เป็นสถานที่ขายตรงสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่จำหน่ายสินค้าเกษตรในท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์พิเศษเป็นหลัก นอกจากสินค้าเกษตรในท้องถิ่นแล้ว ยังจำหน่ายงานหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์แปรรูปทั้งภายในและภายนอกจังหวัด ภายในร้านมีพื้นที่สำหรับทานอาหารและดื่มเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สนามหญ้าในสถานที่ ในอนาคตเรามีแผนการที่จะให้เช่าห้องแปรรูปที่สามารถผลิตขนมและเครื่องเคียงได้

สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับ "เกษตรกร" x "พ่อค้า" ที่สร้างขึ้นในปีเฮเซที่ 18 เพื่อเป็นฐานในการฟื้นฟูพื้นที่ขึ้นใหม่ ผักสดๆและผลิตภัณฑ์แปรรูปในท้องถิ่นมีตั้งเรียงราย สำหรับการใช้ "สถานที่ย่างบาบีคิวคาวะ โนะ ฮิโรบะ" ที่เปิดอยู่ในบริเวณใกล้เคียง กรุณาติดต่อมายังเรา เรากำลังรอคุณอยู่พร้อมกับ "โนระบิตัน" ตัวมาสคอตที่นำรูปแบบมาจากผลิตภัณฑ์พิเศษของเมืองคือ "โนะระโบนะ" และ "อะโอนาสุ"

ด้วยการบำรุงรักษาทางชีวภาพทำให้หนองน้ำมีความคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น เป็นจุดตกปลาที่ยอดเยี่ยมมีนักตกปลาจำนวนมากเดินทางมาชมตลอดทั้งปี

คุณสามารถตามหารสชาติในสภาพแวดล้อมที่สวยงามบนทางลาดทางใต้ และยังสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาบุโคะตรงหน้าได้ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันโคโรน่าไวรัสเราขอให้คุณสวมหน้ากากและฆ่าเชื้อด้วยเจลแอลกอฮอลที่มือ

คุณสามารถมองเห็นเมืองได้จากด้านบนภูเขาโยชิกาวะฟูจิ (หรือที่เรียกว่า คิโยมิโนะฟูจิ) ซึ่งสูงประมาณ 16 เมตรและเป็นสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะ เมื่ออากาศดีคุณสามารถเห็น Sky Tree, Mt. Fuji ที่แท้จริง และ Mt. Tsukuba สวนสาธารณะส่วนใหญ่เป็นสวนสาธารณะที่กว้างขวางปกคลุมด้วยหญ้า

เฉพาะการเก็บและซื้อกลับบ้านเท่านั้น อาจหมดก่อนขึ้นอยู่กับสภาพของสตรอว์เบอร์รี! พันธุ์ที่ทานได้ไม่อั้น: Benipoppe, Tochiotome, Yayoihime, พันธุ์สำหรับซื้อเป็นของฝาก: Amarin, Benipoppe, Tochiotome, Yayoihime

ฟาร์มสตรอเบอร์รี่ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของอาชิกะคุโบะในจิจิบุ ตั้งอยู่บนเนินเขา วิวก็โดดเด่นสวยงาม! โปรดเพลิดเพลินกับสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำมากมายจากการเพาะปลูกด้วยดินสุดพิเศษของเรา☆

ศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมนานาชาติจังหวัดไซตามะเป็นสถาบันหลักด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและสถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยกัน เรามอบโอกาศต่างๆในการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนในจังหวัดผ่านห้องจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ การปรับปรุงรีโนเวทได้ทำเสร็จสมบูรณ์ในปี 2020 และได้เกิดใหม่เป็นห้องโถงนิทรรศการใหม่ "อายะคังคัง" เชิญมาสัมผัส "อะไรที่เปลี่ยนไปกันนะ" กันดูสักครั้ง จุดเด่นของการรีโรเวท! อายะคังคังโดม โรงฉายวิดีโอขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกมุมมอง มีสองประเภทคือ "สิ่งแวดล้อมโลก" ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และ "สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ" ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของสิ่งมีชีวิตที่เราคุ้นเคยผ่านแมลงปอ มีที่นั่ง 42 ที่นั่ง

น้ำป้องกันไฟป่าเป็นน้ำที่มัทสึไดระ โนบุสึนะซึ่งเป็นไดเมียวคาวาโกเอะได้สั่งให้ยาซึมัทสึ คิเนะมอนผู้เป็นบริวารของเขาผันน้ำมาจากทามะกาวะ โจซุย (เมืองโคะไดระ, โตเกียว) ในปีโชโอที่ 4 (1655) ในฐานะน้ำดื่มที่สำคัญสำหรับผู้บุกเบิกที่ราบสูงเพื่อระงับไฟป่า ปัจจุบันมีทางเดินเล่นรอบ ๆ น้ำชลประทานซึ่งกลายเป็นเส้นทางพักผ่อนที่มีคุณค่าในการเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ความยาวรวมประมาณ 24 กม. และนาข้าวในมูเนโอกะเมืองชิกิก็ชุ่มชื้นเช่นกัน

นี่คือเวิร์คช็อปที่สามารถสร้างสิ่งของต่างๆล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่คุณสามารถสร้างเรือแคนูแบบดั้งเดิมโดยใช้ไม้นิชิคาวะในท้องถิ่นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีบริการเรือแคนูให้เช่า ดังนั้นผู้ที่ต้องการลองพายเรือแคนูไม้ก่อนที่จะสร้างเรือ หรือผู้ที่ต้องการจะลองเล่นสนุกด้วยเรือแคนูเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนก็สามารถสัมผัสประสบการณ์นี้ได้เช่นกัน

หมู่บ้านบอนไซโอมิยะก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2468 โดยช่างทำบอนไซที่ย้ายมาจากโตเกียวหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่คันโต พวกเขาเลือกจังหวัดไซตามะเพราะมีอากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด และพื้นที่กว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพาะเลี้ยงบอนไซ ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมบอนไซในญี่ปุ่น โดยมีร้านบอนไซ (บอนไซ-เอน) อยู่ทั้งหมด 6 แห่ง แต่ละแห่งมีสไตล์และเรื่องราวของตัวเอง ติดกับหมู่บ้านนี้คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซโอมิยะ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะแห่งแรกของโลกที่อุทิศให้กับบอนไซโดยเฉพาะ ที่นี่เหมาะสำหรับเริ่มต้นการเยี่ยมชม เพราะให้ทั้งข้อมูลพื้นฐาน การจัดแสดงที่สวยงาม และความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับศิลปะบอนไซ หมู่บ้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีโอมิยะโคเอ็นหรือโทโระ และสามารถเดินถึงได้สะดวก หมู่บ้านเปิดตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม เพราะต้นไม้และสวนจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงนั้น

ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้าในตำนานแห่งการเกษตร คือ ทาคามิมุซุบิ ศาลเจ้าถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1590 และได้รับการบูรณะใหม่โดยอาเบะ มาซาโยชิ ผู้ครองปราสาทโอโอชิ มีการจัดงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น งานเซตสึบุน (การแบ่งฤดูกาล) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ งานไทไนคุรุงิ (พิธีผ่านช่องท้อง) ในวันที่ 30 มิถุนายน และงานโทริโนะอิจิ (เทศกาลไก่) ในวันที่ 8 ธันวาคม

โรงกลั่นสาเกที่ครองสถิติของจังหวัดในการคว้าเหรียญทองจากการประกวดสาเกระดับประเทศ (Annual Japan Sake Awards) ติดต่อกันถึง 8 ปี โรงกลั่นมัตสึโอกะเริ่มต้นจาก มัตสึโอกะ เอมอน ผู้ก่อตั้งรุ่นแรก ซึ่งได้ย้ายโรงกลั่นจากจังหวัดนีงาตะมายังเมืองโอกาวะมาจิ เพื่อแสวงหาน้ำคุณภาพที่ดีกว่า น้ำที่ใช้ในการกลั่นมาจากเทือกเขาจิจิบุ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสูบขึ้นมาจากใต้ดินลึก 130 เมตร สำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองทัวร์โรงกลั่นล่วงหน้าได้ โดยภายในทัวร์จะได้เยี่ยมชมคลังผลิต เรียนรู้กระบวนการกลั่นสาเก และชิมสาเกหลากหลายชนิด ไอศกรีมไดกินโจ (สาเกเกรดพรีเมียม) ซึ่งจำหน่ายที่ร้านขายตรงของโรงกลั่น เป็นที่ชื่นชอบทั้งในหมู่เด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร “โชฟุอัง” ตั้งอยู่ติดกับโรงกลั่นอีกด้วย

ฟุคายะ กรีนพาร์ค เปิดให้บริการในเมืองฟุคายะเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1996 โดยเป็นโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมด้านการเกษตร เสริมสร้างความมั่นคงและเข้มแข็งในการบริหารจัดการ พร้อมทั้งมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพและความแข็งแรงของประชาชนทั่วไป สวนแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 54,000 ตารางเมตร หรือประมาณขนาดเดียวกับโตเกียวโดม ภายในประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในร่มชื่อว่า พาราไดซ์พาทิโอ (รู้จักกันในชื่อ “พาทิโอ”) รวมถึงลานกิจกรรมขนาดใหญ่และเล็กหลากหลายแห่ง เช่น ลานหญ้า เป็นต้น พาทิโอ (พื้นที่ 7,769 ตารางเมตร) ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศคล้ายรีสอร์ตริมชายฝั่งแถบยุโรปตอนใต้และเมดิเตอร์เรเนียน จุดเด่นคือสระว่ายน้ำในร่มเพื่อการพักผ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันโตตอนเหนือ อีกหนึ่งไฮไลต์ของสวนแห่งนี้คือ แปลงดอกไม้ขนาดใหญ่ (พื้นที่ 1,157 ตารางเมตร) ที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงาม

สวนโทะไกเอนเดิมตั้งอยู่ในบริเวณวัดเร็นเกอิน ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายชิงงอน หลังจากที่เจ้าอาวาส โคโซะ ฟูจิโอกะ ทิ้งวัดนี้ในปี ค.ศ. 1864 สวนนี้จึงถูกโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเจ้าของปัจจุบัน ตามตำนาน ดอกวิสเทอร์เรียที่นี่ถูกปลูกโดย โคโบ ไดชิ* ด้วยตัวเองเมื่อเกือบ 1,200 ปีที่แล้ว *โคโบ ไดชิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ คูไค เป็นพระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายชิงงอนของศาสนาพุทธ
ไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ของคุณ หากคุณยังคงเรียกดู แสดงว่าคุณยอมรับการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์นี้ ยอมรับ
CONTACT