สิ่งที่ต้องทำ
ผลการค้นหา310
วัด Taiyoji ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบในภูเขาลึก สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 800 เมตร เป็นวัดเก่าแก่ที่กล่าวกันว่าก่อตั้งขึ้นราว 750 ปีก่อน และมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในสิบสามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพุทธของ Chichibu วัดนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาบากบั่นที่สัญญาณโทรศัพท์เข้าไม่ถึง เป็นดินแดนเงียบสงบที่ตัดขาดจากความวุ่นวายของโลกภายนอก ช่วยให้คุณค้นพบตัวเองผ่านการจดจ่อไปกับประสาททั้งห้าและสัมผัสธรรมชาติที่ปราศจากสิ่งเจือปน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงใบไม้ร่วง วัดนี้จะมีกิจกรรมนั่งสมาธิ คัดลอกบทสวด และประสบการณ์เข้าวัด (ต้องจองล่วงหน้า) ให้บริการ สามารถดื่มด่ำไปกับการเดินทางด้านจิตวิญญาณที่ช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจได้อย่างลึกซึ้ง
Iozan Yakujuin Hachioji เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเมือง Hanno เนื่องจากภายในบริเวณปกคลุมไปด้วยต้นไผ่มากมาย จึงเป็นที่คุ้นเคยในชื่อ Takedera (วัดต้นไผ่) ด้วยเช่นกัน วัดนี้มีประวัติศาสตร์กว่าพันปีในฐานะสถานที่ฝึกตนของศาสนาที่เคารพบูชาภูเขา ปัจจุบันเป็นสถานที่ที่สามารถดื่มด่ำไปกับโชจินเรียวริ (เมนูอาหารสำหรับพระสงฆ์) ได้ โชจินเรียวริของวัดนี้ทำขึ้นจากสมุนไพรหลากหลายชนิดและพืชผักตามฤดูกาลที่หาได้ตามป่าเขา เสิร์ฟมาอย่างสวยงามบนภาชนะไม้ไผ่ที่ดูน่าชื่นใจ สมกับเป็นวัดที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่ เมนูเหล่านี้ยังมาพร้อมกับดอกไม้ตามฤดูกาลและกระดาษที่มีกลอนไฮกุเขียนไว้ ช่วยให้สัมผัสได้ถึงความสวยงามและความลุ่มลึกทางจิตใจที่ฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น รับรองว่าคุณจะได้ลิ้มรสเมนูที่เรียบง่าย ละเอียดอ่อน และใช้ประโยชน์จากเอกลักษณ์ของวัตถุดิบอย่างเต็มที่ อาคารหลักของวัดเป็นที่ประดิษฐานของ Gozutenno ซึ่งเป็นเทพที่เกิดจากการผสมผสานกันของความเชื่อแบบพุทธและชินโต ได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพที่ช่วยขับไล่โรคร้ายและภัยพิบัติ ส่วนที่โทริอิบริเวณทางขึ้นสู่อาคารหลักก็มี Chinowa ติดตั้งไว้ เชื่อกันว่าจะช่วยชำระล้างร่างกายและจิตใจได้เมื่อเดินลอดผ่าน
Niekawajuku เป็นหนึ่งในเมืองที่พักซึ่งรุ่งเรืองขึ้นจากการเดินทางไปมาของเหล่าพ่อค้ามากมาย ทั้งยังเป็นทางแยกไปสู่ Koshu (จังหวัดยามานาชิ) Joshu (จังหวัดกุนมะ) Shinshu (จังหวัดนากาโนะ) ของยุคเอโดะ บริเวณนี้เคยมี Hatago (ที่พักสไตล์เอโดะ) เรียงรายอยู่กว่า 20 หลัง และคึกคักมากในฐานะต้นกำเนิดของ Kago ซึ่งเป็นพาหนะที่ช่วยพาเหล่านักแสวงบุญขึ้นไปสู่ภูเขา Mitsumine ในภายหลังการเกิดขึ้นของสถานีรถไฟได้ทำให้เมืองนี้มีผู้ใช้บริการน้อยลง จนถูกทิ้งร้างไปในที่สุด เมื่อราวปี 2016 ได้มีการเริ่มต้นฟื้นฟูความคักคึกของบริเวณดังกล่าว โดยสร้างขึ้นเป็นเมืองที่ชื่อว่า Kakashi no Sato คอยทำให้ผู้ที่แวะมาเยี่ยมชมได้เพลิดเพลินไปกับคาคาชิที่ดูน่ารักและมีเอกลักษณ์กว่า 60 ตัวซึ่งถูกวางไว้ตามจุดต่างๆ ริมถนน คาคาชิเหล่านี้มีรูปร่างหลากหลาย ประดับไปด้วยเสื้อผ้าและอุปกรณ์อย่างลงลึกถึงรายละเอียด ดูสมจริงราวกับว่าจะเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ ช่วยทำให้ภายในเมืองนี้ดูคึกคักมากๆ Niekawajuku เป็นที่ตั้งของสถานี Mitsumineguchi ที่สามารถเดินทางมาถึงได้โดยนั่งรถจักรไอน้ำ SL Paleo Express สถานีเดียวกันนี้ยังได้เปิดสวนสาธารณะ SL Denshadai ขึ้นเมื่อปี 2020 สามารถชมการเกลี่ยถ่านหินและการหมุนรถจักรไอน้ำได้อย่างใกล้ชิด คาคาชิ --- หุ่นไล่กาแบบญี่ปุ่นที่ช่วยไล่เหล่าสัตว์ปีกที่จะสร้างความเสียหายให้กับทุ่งนา *หุ่นที่นุ่งอยู่บนชานบ้านภายในรูป
Onihei Edodokoro ตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถฮานิว บนทางด่วนโทโฮคุฝั่งเหนือ เป็นสถานที่ที่จำลองโลกของนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "Onihei Hankacho" แขกผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับท้องถนนและวัฒนธรรมในยุคเอโดะ รวมถึงรสชาติแบบเอโดะที่ Ikenami Shotaro ผู้เขียนโอนิเฮ ฮันกะโจ ผู้มีชื่อเสียงในฐานะนักชิมชื่นชอบ ศูนย์อาหารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านค้าเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่ยังคงเสิร์ฟรสชาติเอโดะแบบดั้งเดิม รวมถึงร้านโกเท็ตสึ ร้านหม้อไฟไก่ชนที่ปรากฏอยู่ใน "โอนิเฮ ฮันกะโจ" จำลอง ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของนวนิยาย ร้านขายของที่ระลึกมีสินค้าเก่าแก่ให้เลือกมากมาย ทั้งจากร้านค้าเก่าแก่และมีชื่อเสียง ของที่ระลึกจากทางรถไฟ และผลิตภัณฑ์โอนิเฮ เอโดะโคโระต้นตำรับที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น
Sayama เป็นหนึ่งในสามชาชื่อดังของญี่ปุ่น เคียงคู่ไปกับชาชิสึโอกะและชาอุจิ ถึงขนาดที่มีเพลงเด็ดใบชาที่กล่าวว่า "สีชิสึโอกะ กลิ่นอุจิ รสซายามะ" คุณสามารถสัมผัสกับชาซายามะนี้ได้อย่างใกล้ชิดที่ Miyanoen คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับชาซายามะและวัฒนธรรมชาญี่ปุ่นมากมาย เช่น ประสบการณ์เด็ดใบชาโดยสวมผ้าคาดเอวสีแดง (มีค่าเช่าเพิ่มเติม) ลองชิมเทมปุระจากใบชา และการวาดลวดลายลงบนชามัทฉะ
ปราสาท Hachigata เป็นปราสาทที่โดดเด่นของคันโตยุคเซ็นโกคุ (ครึ่งหลังศตวรรษ 15 - ครึ่งหลังศตวรรษที่ 16) และถูกยกให้เป็นหนึ่งในร้อยปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น กล่าวกันว่าสร้างขึ้นโดย Nagao Kageharu ผู้เป็นคาไซ (บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญของตระกูล) ของตระกูล Yamanouchi Uesugi ซึ่งเคยปกครองคันโตอยู่ในปีบุนเมที่ 8 (ค.ศ.1476) หลังจากนั้นก็ได้รับการซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มเติมให้มีขนาดในปัจจุบันโดย Ujikuni ผู้เป็นบุตรของ Hojo Uchiyasu แห่ง Odawara ในช่วงสงคราม Odawara ที่เริ่มต้นขึ้นโดย Toyotomi Hideyoshi ปราสาทนี้ได้ถูกล้อมโจมตีโดย Maeda Toshiie และ Uesugi Kagekatsu หลังจากที่ได้มีการรุกรับกันในสภาพโรโจ (การป้องกันการโจมตีโดยเก็บตัวอยู่ภายในปราสาท) ถึงกว่า 1 เดือน ก็ได้ประกาศยอมแพ้ภายใต้เงื่อนไขให้ไว้ชีวิตทหารของปราสาท ส่งผลให้ปราสาทนี้ได้ถูกทิ้งร้างไป ร่องรอยของเหตุการณ์ดังกล่าวก็ยังมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น เขต Honkuruwa ที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงดินและคูลึก หากต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ของปราสาท Hachigata นี้ ก็ขอแนะนำให้เดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาท Hachigata ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน สามารถสัมผัสภาพของปราสาทในอดีตได้ผ่านวิดีโอและแบบจำลอง รวมถึงโปรแกรมสัมผัสประสบการณ์ที่ให้คุณเดินเล่นภายในปราสาทซึ่งจำลองขึ้นด้วยเทคนิค CG นอกจากนี้ หากทำการดาวน์โหลดแอป Yotte GO! Yorii Town แล้ว ก็จะสามารถเล่นเกมและชมภาพ CG ภายในสวนสาธารณะได้ด้วย
น้ำตก Kuroyama สามแห่ง ตั้งอยู่ในเมืองโอโกเสะ เขตอิรุมะ เป็นจุดชมวิวที่ประกอบด้วยน้ำตกสามแห่ง ได้แก่ Otokodaki, Metaki และ Tengudaki ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในฤดูร้อนละอองน้ำใสบริสุทธิ์จากน้ำตกและต้นไม้เขียวขจีที่รายล้อมจะมอบสายลมเย็นสบายให้คุณลืมความวุ่นวายในเมืองใหญ่ เป็นสถานที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับคลายความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวันและเติมพลังให้ทั้งร่างกายและจิตใจ น้ำตกคุโรยามะสามแห่งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้แสวงบุญชูเง็นโดมายาวนาน และเป็นที่รู้จักในฐานะจุดพลังอันทรงพลัง ผู้คนจำนวนมากมาเยือนเพื่อสัมผัสพลังแห่งธรรมชาติด้วยร่างกายและอธิษฐานขอพรให้โชคดี น้ำตกคุโรยามะสามแห่ง ท่ามกลางความเขียวขจีอันสดชื่นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เผยให้เห็นถึงสีสันที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ดังนั้นอย่าลืมมาเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ Shibusawa Eiichi ในเมืองฟุกายะ เป็นสถานที่รำลึกถึงความสำเร็จของชิบุซาวะ เออิจิ นักธุรกิจผู้มีบทบาทสำคัญตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ห้องจัดแสดงนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเอกสารมากมายที่เกี่ยวข้องกับชิบุซาวะ เออิจิ รวมถึงงานเขียนอักษรวิจิตรศิลป์ (อักษรวิจิตรศิลป์และภาพวาดที่ผู้ล่วงลับสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงชีวิตของเขา) และภาพถ่าย ซึ่งล้วนสะท้อนถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขาจนถึงปัจจุบัน ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์คือการบรรยายโดยหุ่นยนต์ชิบุซาวะ เออิจิในห้องบรรยาย ท่านสามารถเรียนรู้ปรัชญาของชิบุซาวะ เออิจิได้จากการฟังการบรรยายโดยหุ่นยนต์ที่เหมือนจริงทุกประการ หมายเหตุ: การบรรยายต้องจองล่วงหน้าและมีจำนวนจำกัด หากท่านต้องการเข้าร่วม โปรดตรวจสอบตารางเวลาบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการและสำรองที่นั่งล่วงหน้า
ศูนย์ข้อมูลเมืองคาสุคาเบะ (Kasukabe Information Center Platt Kasukabe) ตั้งอยู่บริเวณทางออกด้านตะวันออกของสถานีคาสุคาเบะ เป็นสถานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารท้องถิ่น การท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ ของเมืองคาสุคาเบะ ที่นี่รวบรวมเสน่ห์ของเมืองคาสุคาเบะไว้ด้วยกัน เป็นสถานที่แวะพักผ่อนและผ่อนคลายที่ทุกคนสามารถแวะเวียนมาได้ นอกจากข้อมูลการท่องเที่ยวและอาหารท้องถิ่นแล้ว ทางศูนย์ฯ ยังจำหน่ายอาหารที่ได้รับการรับรอง "Food Selection" ของเมืองอีกด้วย นอกจากนิทรรศการต่างๆ เช่น แผง "เครยอนชินจัง" ตัวละครอนิเมะชื่อดังของเมืองคาสุคาเบะ และภาพวาดจำลองจากมังงะต้นฉบับแล้ว ยังมีตราประทับที่ระลึกสำหรับผู้มาเยือนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการเช่าจักรยาน ทำให้ที่นี่เป็นที่พักที่สะดวกสบายสำหรับการเที่ยวชมเมืองคาสุคาเบะ เชิญแวะชมได้ตามอัธยาศัย
ภายในสวนมี Satte Gongendo Sakura Tsutsumi ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระในภูมิภาคคันโต มีต้นซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ ประมาณ 1,000 ต้นบานสะพรั่งเป็นระยะทาง 1 กม. การตัดกันของดอกนาโนะฮานะที่เบ่งบานอยู่โดยรอบเป็นสิ่งที่น่ามาชมจึงคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการชมดอกไม้ในทุกปี นอกจากนี้ยังมีดอกไฮเดรนเยียหลากสียังบานสะพรั่งในเดือนมิถุนายน คลัสเตอร์อะมาริลลิส (cluster amaryllis) สีแดงสดในเดือนกันยายน และดอกแดฟโฟดิลสีขาวสวยจะบานเต็มที่ในเดือนมกราคมของทุกปี คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกไม้ได้ในแต่ละฤดูกาล
สวนสนุกในธีมของหมักที่ดำเนินการโดย Pickles Corporation ผู้ผลิตผักดอง มีร้านซีเล็คท์ช็อปจำหน่ายอาหารหมัก คาเฟ่ ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัมผัสประสบการณ์ คุณสามารถรับประทานอาหารที่ทำจากมอลต์ข้าวและแล็กติกแอซิดแบคทีเรีย รวมถึงสามารถซื้อของดองและอาหารหมักที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วประเทศ
เอสแอล พาเลโอเอ็กซ์เพรส (SL Paleo Express) เป็นรถไฟไอน้ำวินเทจ ที่พาคุณเดินทางผ่าน ภูมิภาคชิจิบุ อันสวยงามในจังหวัดไซตามะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว เส้นทางวิ่งระหว่าง สถานีคุมากายะ ถึง สถานีมิตสึมิเนะกุจิ การนั่งรถไฟวินเทจนี้จะพาผู้โดยสารผ่านภูเขา แม่น้ำ และทุ่งชนบทที่งดงาม ระหว่างทางคุณยังสามารถชมวิวของ นากะโทโร่ แม่น้ำใสและโขดหินสวยงาม เหมาะสำหรับ ผู้รักรถไฟ ครอบครัว หรือใครก็ตามที่อยากออกทริปวันเดียวจากโตเกียว เอสแอล พาเลโอเอ็กซ์เพรสเป็นหนึ่งในกิจกรรมท่องเที่ยวเด่นของไซตามะที่ไม่ควรพลาด
เป็นสถานีริมทางที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งสีเขียวเข้มของภูเขา ธารน้ำใสของแม่น้ำโยโคเสะ อากาศปลอดโปร่ง ดอกไม้และไม้ผลตามฤดูกาล ที่สถานที่อำนวยความสะดวกภายในสถานมีร้านขายตรง ผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม โรงอาหาร และมุมข้อมูลสำหรับพักผ่อน สถานที่ทดลองประสบการณ์ (อุด้ง / โซบะ) คลาสเครื่องปั้นดินเผา และแกลเลอรี ตรงด้านนอกมีดาดฟ้าที่มีลานแลกเปลี่ยนและสามารถมองชมแม่น้ำที่อยู่เบื้องล่างได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินไปตามแม่น้ำโยโกเซะที่ไหลอยู่ข้างๆ * สิ่งอำนวยความสะดวกที่ระบุไว้ในหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวอุตสาหกรรมจังหวัดไซตามะ "คู่มืองานฝีมือ"
ซูซาบิโนะ เทอเรซตั้งอยู่บนยอดเขาฮโดซังในเมืองนากาโทโระ จังหวัดชิชิบุ จังหวัดไซตามะ ที่นี่มอบวิวภูเขาที่สวยงามและบรรยากาศอันแสนสงบ เหมาะสำหรับวันเดย์ทริปจากโตเกียว คุณสามารถเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มและของว่างเบาๆ ขณะพักผ่อนตามจุดถ่ายรูป ม้านั่ง เคาน์เตอร์ชมวิว หรือเลานจ์ชิลๆ ที่นี่ยังล้อมรอบด้วยต้นโรไบ (wintersweet) และช่วงกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของดอกสีเหลืองบอบบางที่เบ่งบานเต็มภูเขาพร้อมกลิ่นหอมอันละมุน หากคุณกำลังมองหาที่พักผ่อนชมวิวใกล้โตเกียว ซูซาบิโนะ เทอเรซคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับทุกคนและทุกวัย!
รวบรวมของฝากของจิจิบุไว้มากมาย! หากต้องซื้อของฝากของจิจิบุลองมาที่ "ศูนย์สินค้าพื้นเมืองจิจิบุ" กันดูไหมคะ มีตั้งแต่สินค้าของฝากยอดนิยมในพื้นที่จิจิบุไปจนถึงสินค้าโปเตโต้คุงวางจำหน่ายอยู่มากมายหลากหลายประเภท
เส้นทางอาราคาวะไลน์คุดาริในจิจิบุทากาโทโระตั้งแต่วัยเด็กถึงผู้สูงอายุสามารถเพลิดเพลินอย่างผ่อนคลายและน่าตื่นเต้นในบางครั้งบนเส้นทางหินของจิจิบุนากาโทโระซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติพิเศษแห่งชาติ ในขณะที่ฟังการไกด์ท่องเที่ยวแสนสนุกของคนพายเรือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สายลมเย็นในฤดูร้อน ความงามของหุบเขาในสีสันของฤดูใบไม้ร่วงและความอบอุ่นของเรือโคทัตสึในฤดูหนาว คุณเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติของนากาทาโระในแต่ละฤดูกาล
ปราสาทโอชิซึ่งถูกนับเป็น 1 ใน ปราสาทที่มีชื่อเสียง 7 แห่งในภูมิภาคคันโต ถูกสร้างขึ้นในช่วงอารยธรรมของยุคมุโระมาจิ เป็นที่รู้จักกันในนาม "ปราสาทลอยน้ำ" ที่ทนต่อการโจมตีทางน้ำของมิตสึนาริอิชิดะในช่วงคันโตเฮเซของฮิเดคิจิโทโยมิ เรื่องนี้กลายเป็นต้นแบบให้กับภาพยนตร์เรื่อง The Castle of Noboru นั่นเอง ปัจจุบันยังเป็น หนึ่งใน 100 ปราสาทที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น อีกด้วย "ปราสาทโอชิ" ที่มีอยู่ถูกรื้อถอนในยุคเมจิและสร้างขึ้นใหม่ในปี 1988 ด้านในเป็นส่วนหนึ่งของห้องจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและจากชั้นบนสุดสามารถมองเห็นภายในเมือง
กล่าวกันว่าเป็นที่ประดิษฐานของทาเคซอนนิฮงเมื่อ 2,000 ปีก่อน ศาลเจ้าในปัจจุบันคือ Gongen-zukuri ซึ่งประกอบด้วยศาลเจ้าหลัก ห้องโถงเหรียญและห้องบูชาที่สร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ปลายสมัยเอโดะจนถึงต้นยุคเมจิ มีความศักดิ์สิทธิ์สูงในฐานะเทพผู้พิทักษ์เพื่อป้องกันการโจรกรรมไฟและความยากลำบากต่าง ๆ และจำนวนผู้สักการะบูชาจากทั่วภูมิภาคคันโตรวมถึงพื้นที่ในท้องถิ่นมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี
เนินเขาฮิกิที่กว้างใหญ่ถึง 46 เฮกตาร์เต็มไปด้วยความสนุกสนานทั้งสัตว์ยอดนิยม เช่น ยีราฟ แพนด้าแดง โคอาล่า และ " แพนกวิน ฮิลส์" สวนเชิงนิเวศน์สำหรับเพนกวินฮัมโบลต์ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเส้นทางเดินเท้าและคอร์สข้ามประเทศที่อยู่ติดกับสวนสาธารณะ สวนสัตว์แห่งนี้เป็นสวนสัตว์แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่คุณสามารถชมหนูพันธฺ์ Gundi, Kiboshiiwa Hilux กวางพูดูที่เล็กที่สุดในโลกของ "Eco ฮาว ทู" และ Quocca ที่เข้ามาร่วมกลุ่มเพื่อนเพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 40 ปีของการเปิดสวน ประเพณีฤดูหนาว "หนูคาปิบาระแช่ออนเซ็น" ก็มีชื่อเสียงอย่างมากเช่นกัน
เปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 30 พฤษภาคม 2025: สถานีริมทาง Ogawamachi ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการฟื้นฟูภูมิภาค ภายใต้ธีม “กระดาษวาชิทำมือและวิถีชีวิตออร์แกนิก”
[โซนงานฝีมือดั้งเดิม]
ลองสัมผัสประสบการณ์ทำกระดาษวาชิแบบดั้งเดิม การประดิษฐ์พัดอุจิวะ และการทำโคมไฟวาชิ กรุณาเยี่ยมชมหน้า ศูนย์เรียนรู้งานฝีมือดั้งเดิม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีห้องจัดแสดงกระดาษวาชิ และร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษวาชิ
[พื้นที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมท้องถิ่น]
มีร้านของฝากที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ตลาดเกษตรกรที่มีผักสดจากพื้นที่ คาเฟทีเรีย และร้านอาหารจานด่วนและของหวานให้เพลิดเพลิน
[ลานกิจกรรมชุมชน]
มีสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ ได้สนุกสนาน และยังมีบริการให้เช่าจักรยานไฟฟ้า สำหรับเที่ยวชมธรรมชาติรอบๆ อีกด้วย
สวนโทะไกเอนเดิมตั้งอยู่ในบริเวณวัดเร็นเกอิน ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายชิงงอน หลังจากที่เจ้าอาวาส โคโซะ ฟูจิโอกะ ทิ้งวัดนี้ในปี ค.ศ. 1864 สวนนี้จึงถูกโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเจ้าของปัจจุบัน ตามตำนาน ดอกวิสเทอร์เรียที่นี่ถูกปลูกโดย โคโบ ไดชิ* ด้วยตัวเองเมื่อเกือบ 1,200 ปีที่แล้ว *โคโบ ไดชิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ คูไค เป็นพระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายชิงงอนของศาสนาพุทธ
ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้าในตำนานแห่งการเกษตร คือ ทาคามิมุซุบิ ศาลเจ้าถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1590 และได้รับการบูรณะใหม่โดยอาเบะ มาซาโยชิ ผู้ครองปราสาทโอโอชิ มีการจัดงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น งานเซตสึบุน (การแบ่งฤดูกาล) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ งานไทไนคุรุงิ (พิธีผ่านช่องท้อง) ในวันที่ 30 มิถุนายน และงานโทริโนะอิจิ (เทศกาลไก่) ในวันที่ 8 ธันวาคม
หมู่บ้านบอนไซโอมิยะก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2468 โดยช่างทำบอนไซที่ย้ายมาจากโตเกียวหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่คันโต พวกเขาเลือกจังหวัดไซตามะเพราะมีอากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด และพื้นที่กว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพาะเลี้ยงบอนไซ ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมบอนไซในญี่ปุ่น โดยมีร้านบอนไซ (บอนไซ-เอน) อยู่ทั้งหมด 6 แห่ง แต่ละแห่งมีสไตล์และเรื่องราวของตัวเอง ติดกับหมู่บ้านนี้คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซโอมิยะ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะแห่งแรกของโลกที่อุทิศให้กับบอนไซโดยเฉพาะ ที่นี่เหมาะสำหรับเริ่มต้นการเยี่ยมชม เพราะให้ทั้งข้อมูลพื้นฐาน การจัดแสดงที่สวยงาม และความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับศิลปะบอนไซ หมู่บ้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีโอมิยะโคเอ็นหรือโทโระ และสามารถเดินถึงได้สะดวก หมู่บ้านเปิดตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม เพราะต้นไม้และสวนจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงนั้น
โรงกลั่นสาเกที่ครองสถิติของจังหวัดในการคว้าเหรียญทองจากการประกวดสาเกระดับประเทศ (Annual Japan Sake Awards) ติดต่อกันถึง 8 ปี โรงกลั่นมัตสึโอกะเริ่มต้นจาก มัตสึโอกะ เอมอน ผู้ก่อตั้งรุ่นแรก ซึ่งได้ย้ายโรงกลั่นจากจังหวัดนีงาตะมายังเมืองโอกาวะมาจิ เพื่อแสวงหาน้ำคุณภาพที่ดีกว่า น้ำที่ใช้ในการกลั่นมาจากเทือกเขาจิจิบุ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสูบขึ้นมาจากใต้ดินลึก 130 เมตร สำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองทัวร์โรงกลั่นล่วงหน้าได้ โดยภายในทัวร์จะได้เยี่ยมชมคลังผลิต เรียนรู้กระบวนการกลั่นสาเก และชิมสาเกหลากหลายชนิด ไอศกรีมไดกินโจ (สาเกเกรดพรีเมียม) ซึ่งจำหน่ายที่ร้านขายตรงของโรงกลั่น เป็นที่ชื่นชอบทั้งในหมู่เด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร “โชฟุอัง” ตั้งอยู่ติดกับโรงกลั่นอีกด้วย
ไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ของคุณ หากคุณยังคงเรียกดู แสดงว่าคุณยอมรับการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์นี้ ยอมรับ
CONTACT